> SET > GPSC

10 สิงหาคม 2020 เวลา 08:45 น.

GPSCโชว์Q2กำไรพุ่ง75% อนาคตโตยาวเป้า95บาท

ทันหุ้น –สู้โควิด –GPSC โชว์ผลงานไตรมาส 2/2563 ดีเกินคาดที่ 1.89 พันล้านบาท โต 75% จากปีก่อน จากต้นทุนก๊าซ-ถ่านหินที่ต่ำลง มาร์จิ้นของโรงไฟฟ้า SPP เพิ่มขึ้น และรับรู้ผลประกอบการ GLOW เต็มสูบ ฟากโบรกยังเชียร์ซื้อ ชูเป้าหมาย 95 บาท


บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ระบุถึงบริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC ว่ากำไรสุทธิไตรมาส 2/2563 เท่ากับ 1.89 พันล้านบาท (+75% จากปีก่อน, +20% จากไตรมาสก่อน) หนุนโดยต้นทุนก๊าซ & ถ่านหินที่ต่ำลง, ค่าพร้อมจ่ายของโรงไฟฟ้า IPP ที่เพิ่มขึ้น และส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมสูงขึ้น สำหรับ Norm profit อยู่ที่ 2.29 พันล้านบาท (+28% จากปีก่อน, +36% จากไตรมาสก่อน)


แนวโน้มครึ่งปีหลัง 2563 ต้นทุนก๊าซลดลง & ผลกระทบจากโควิด-19 น้อยกว่ากลุ่ม เนื่องจากคาดว่าราคาก๊าซจะลดลงจาก 270-280 บาท/mmbtu เป็น 220-230 บาท/mmbtu และ 85% ของความต้องการใช้ไฟฟ้าในส่วนลูกค้าอุตสาหกรรมของบริษัทเป็นกลุ่ม PTT และผู้ผลิตเคมีภัณฑ์ซึ่งมีอัตราการจ่ายไฟขั้นต่ำ 70-80% (บริษัทมีลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์เพียง 2% ของรายได้จากขายไฟฟ้าทั้งหมด)


*เคาะเป้าซื้อ 95 บาท


แนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมายพื้นฐาน 95 บาท (SOP) ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยฯ DBS คาดว่ากำไรสุทธิปี 2563 เติบโต 6% และปี 2564 ขยายตัว 38% หลังจากภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัวดีขึ้น ทำให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น


ทั้งนี้ GPSC เปิดเผยต่อตลาดหลักทรัพย์ว่า ไตรมาส 2/2563 บริษัทมีกำไร 1,896ล้านบาท เพิ่มขึ้น 75% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 20% จากไตรมาสก่อน มีรายได้จากการดำเนินงานที่ 18,138 ล้านบาท ลดลง 9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 1% จากไตรมาสก่อน


โดยกำไรที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากกำไรขั้นต้นของโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) เพิ่มขึ้น 278 ล้านบาท เนื่องจากราคาก๊าซธรรมชาติและถ่านหินปรับลดลง รวมถึงลูกค้าอุตสาหกรรมของศูนย์ผลิตสาธารณูปการระยองมีปริมาณความต้องการใช้ไฟฟ้าและไอน้ำมากขึ้น ถึงแม้ว่าลูกค้าอุตสาหกรรมของโรงไฟฟ้า SPP ของ บมจ.โกลว์พลังงาน (GLOW) มีความต้องการใช้ไฟฟ้าและไอน้ำลดลงก็ตาม


*เล็งรับรู้ GLOW เพิ่ม


อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดว่าในปี 2563 จะสามารถรับรู้มูลค่า Synergy จากการควบรวมกิจการกับ GLOW ประมาณ 400-500 ล้านบาท ขณะที่ครึ่งปีแรกรับรู้ไปแล้ว 292 ล้านบาท มาจากการบริหารจัดการโรงไฟฟ้าและโครงข่ายร่วมกัน การบริหารจัดการสัญญาซ่อมบำรุงระยะยาวให้เกิดประสิทธิภาพและลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน


นอกจากนั้นยังเพิ่มประสิทธิภาพส่วนงานจัดซื้อจัดจ้าง โดยบริหารต้นทุนและลดต้นทุนสินค้าคงคลัง ตลอดจนการจัดซื้อร่วมกันให้เกิดส่วนลดเพิ่มขึ้น (Economy of scale) รวมถึงการบริหารจัดการต้นทุนทางการเงิน การประกันภัย การบริหารเงินทุนหมุนเวียน และการควบคุมค่าใช้จ่ายในการบริหารงานองค์กร

ทั้งนี้ ทางบริษัทได้มีการประเมินมูลค่า Synergy เบื้องต้นที่จะเกิดขึ้นในช่วงปี 2562-2567 โดยคาดว่าจะค่อยๆ ปรับตัวเพิ่มขึ้นจนสามารถรับรู้มูลค่าที่ประมาณ 1,600 ล้านบาท ในปี 2567

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X