> SET > TOP

11 สิงหาคม 2020 เวลา 08:00 น.

TOPพลิกบวก2.48พันล. Q3ได้ฤกษ์มีกำไรปกติ

ทันหุ้น-สู้โควิด-TOP ผลงานกลับมาพลิกกำไร 2.48 พันล้านบาทตามนัด หลังขาดทุนหนัก 1.37 หมื่นล้านบาท เหตุสต็อกน้ำมัน-อัตราแลกเปลี่ยนช่วย แต่กำไรปกติยังติดลบ โบรกชี้ตามคาดเชื่อไตรมาส3 มีกำไรปกติ การใช้เพิ่มขึ้นหลังเปิดเมือง คาดทั้งปียังติดลบ แต่ปีหน้ากลับมาโตแรง 86%


นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด(มหาชน) หรือ TOP แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า ไตรมาส 2/2563 บริษัทมีกำไรสุทธิ 2,480 ล้านบาท ดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสแรกปีนี้ที่ขาดทุนสุทธิ 13,754 ล้านบาท และดีกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 567 ล้านบาท  โดยในไตรมาส 2/2563 บริษัทขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันก่อนภาษีกลับรายการมูลค่าสินค้าคงเหลืออยู่ที่ 1,404 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสแรกซึ่งขาดทุนอยู่ที่ 10,772 ล้านบาท ขณะเดียวกันในไตรมาสนี้ยังมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิ 2,045 ล้านบาท เทียบกับไตรมาสแรกที่ขาดทุน 2,338 ล้านบาท


อย่างไรก็ตามรายได้จากการขายในไตรมาส 2/2563 ลดลงมาอยู่ที่ 49,372 ล้านบาทเทียบกับไตรมาสแรกปีนี้อยู่ที่ 76,652 ล้านบาท หรือลดลง 35.58% ซึ่งเป็นผลกระทบจาก Crude Premiumที่ปรับตัวลดลงอย่างมากจากสงครามราคาน้ำมันของผู้ผลิตในกลุ่มโอเปก ในขณะที่ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมกับน้ำมันดิบดูไบ ยังคงถูกกดดันจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 หลังหลายประเทศประกาศใช้มาตรการปิดเมือง เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันเบนซิน รวมถึงน้ำมันดีเซลในภาคอุตสาหกรรมและภาคขนส่งหดตัว โดยเฉพาะความต้องการใช้น้ำมันอากาศยานี่ได้รับผลกระทบรุนแรงจากการยกเลิกเที่ยวบินทั่วโลก


สำหรับแนวโน้มราคาน้ำมันดิบในไตรมาส 3/2563 คาดว่าจะปรับขึ้นจากไตรมาส 2/2563 หลังรัฐบาลของหลายประเทศเริ่มผ่อนปรนมาตรการปิดเมือง แม้ว่าอัตราการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ยังอยู่ในระดับสูง ทำให้การเดินทางภายในแต่ละประเทศและภาคอุตสาหกรรมมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้น


ส่วนไตรมาส 4/2563 คาดว่าปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ตามความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูปที่ปรับตัวดีขึ้นในช่วงฤดูหนาว รวมถึงภาคการขนส่งและภาคอุตสาหกรรมที่ฟื้นตัวตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ


**โบรกฯ มองกำไรใกล้เคียงคาด


บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย พลัส จำกัด ระบุว่ากำไรไตรมาส 2/2563 ของ TOPใกล้เคียงกับที่คาดการณ์ หลักๆ เป็นผลมาจากการบันทึกกลับเป็นกำไรจากสต็อกน้ำมันรวม NRV จำนวน 1.1 พันล้านบาท จากไตรมาสแรกปีนี้ที่ขาดทุนสูงถึง 1.4 หมื่นล้านบาท และยังมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 2 พันล้านบาท ตามค่าเงินบาทที่แข็งค่า รวมถึงยังมีบันทึกกลับเป็นกำไรจาก hedging 344 ล้านบาท เทียบกับไตรมาสแรกที่ขาดทุน 396 ล้านบาท


อย่างไรก็ตามหากพิจารณาเฉพาะผลดำเนินงานปกติ ยังคงเผชิญกับผลขาดทุนใกล้เคียงกับงวดก่อนที่ 282 ล้านบาท เพราะได้รับแรงกดดันจากอัตราเดินเครื่องโรงกลั่นที่ลดลง แม้ค่าการกลั่นจะเพิ่มขึ้นสุทธิแล้ว


ส่วนผลดำเนินงานไตรมาส 3/2563 คาดว่าผลดำเนินงานปกติจะพลิกเป็นกำไรได้ แต่อาจจะยังไม่มากนัก โดยรับผลดีจากอัตราเดินเครื่องโรงกลั่นที่คาดจะเพิ่มขึ้นเป็น 100% จาก 95% ในไตรมาสก่อนหน้า ตามความต้องการที่เริ่มดีหลังคลายล็อคดาวน์ เช่นเดียวกับส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ หรือ spread น้ำมันสำเร็จรูปที่ทยอยฟื้นตัว


ฝ่ายวิจัย คาดว่าแนวโน้มผลดำเนินงานในปี 2563 จะมีผลขาดทุนราว 1.4 พันล้านบาท รับผลกระทบจากขาดทุนสต็อก แต่แนวโน้มกำไรปกติในปี 2564 จะกลับมาเติบโตสูงถึง 86.4% มาอยู่ที่ 6.2 พันล้านบาท จากค่าการกลั่นที่เพิ่มขึ้น


ส่วนกลยุทธ์การลงทุน แนะนำให้รอราคาหุ้นปรับฐาน แล้วค่อยหาจังหวะเข้าลงทุน เนื่องจากราคาหุ้นปัจจุบันเต็มมูลค่าแล้ว จากราคาเป้าหมายที่ให้ไว้ที่ 43 บาทต่อหุ้น อีกทั้ง TOP มีโอกาสจะไม่จ่ายปันผลระหว่างกาลอีกด้วย

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X