ทันหุ้น-สู้โควิด-บริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ จำกัด หรือSCBS  ระบุว่าสถานการณ์เลวร้ายที่สุดในปี2563 ของTOP ผ่านพ้นไปแล้ว ดังจึงยืนยันคำแนะนำ “ซื้อ” TOP เพราะบริษัทมีต้นทุนที่สามารถแข่งขันได้ งบดุลแข็งแรง และได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจาก PTT ซึ่งเป็นบริษัทแม่ในฐานะที่เป็นแกนนำในธุรกิจโรงกลั่นน้ำมัน ราคาเป้าหมาย 48 บาท อิงกับ PBV 0.8 เท่า (ปี 2564) ให้ผลตอบแทนรวม 17%

TOP รายงานกำไรสุทธิ 2.5 หมื่นลบ. ใน 2Q63 เป็นไปตามที่ SCBS คาด ฟื้นตัวจากขาดทุนจำนวนมากถึง 1.3

8 หมื่นลบ. ใน 1Q63 เพราะขาดทุนสต๊อกลดลงสู่ US$1.8/bbl (1.4 พันลบ.) เทียบกับ US$12.2/bbl (1.1 หมื่นลบ.) ใน 1Q63 กำไรจากการดำเนินงานสุทธิ 160 ลบ. ก็ฟื้นตัวจากขาดทุน 752 ลบ. เพราะ market GRM ที่ US$1.4/bbl ดีกว่าระดับต่ำเพียง US$0.1/bbl ใน 1Q63 เนื่องจากต้นทุนน้ำมันดิบลดลง

อัตราการใช้กำลังการผลิตโดยรวมลดลงต่อเนื่อง QoQ ในภาวะที่ตลาดซบเซาเพราะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19TOP จึงลดอัตราการใช้กำลังการกลั่นลงจาก 111% ใน 1Q63 สู่ 98% หรือ 269kbd ใน 2Q63 อัตราการใช้กำลังการผลิตของธุรกิจอะโรเมติกส์ก็ลดลงจาก 81% ใน 1Q63 สู่ 75% ใน 2Q63 โดยมีสาเหตุมาจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ที่อ่อนแอ โดยเฉพาะเบนซีน และวัตถุดิบจากโรงกลั่นลดลง โดยสรุปแล้ว อัตราการใช้กำลังการผลิตโดยรวมของ TOP ลดลง 6% YoY และ 12% QoQ สู่ 271kbd เมื่อรวมกับราคาผลิตภัณฑ์ที่ลดลง ส่งผลทำให้รายได้จากการขายของธุรกิจหลัก 3 กลุ่ม คือ โรงกลั่นน้ำมัน อะโรเมติกส์ และน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐาน ลดลง 48% YoY และ 39% QoQ

GIM เพิ่มขึ้น QoQ เพราะ crude discount market GRM (อิงกับค่าการกลั่นตลาดสิงคโปร์เทียบกับราคาน้ำมันดิบดูไบ) ลดลงใน 2Q63 แต่ GRM ของ TOP ฟื้นตัวจากระดับต่ำเพียง US$0.1/bbl ใน 1Q63 สู่ US$1.4/bbl ใน 2Q63 เพราะต้นทุนน้ำมันดิบนำเข้าจากตะวันออกกลาง (>70% ของน้ำมันดิบที่ใช้) ลดลง เนื่องจาก premium ของน้ำมันดิบชนิดเบาเทียบกับราคาน้ำมันดิบดูไบที่ US$2.2-4.4/bbl ใน 1Q63 เปลี่ยนมาเป็น discount ที่ US$4.7-5.7/bbl ในเดือนเม.ย.-พ.ค. ก่อนที่กลุ่มโอเปกพลัสจะกลับมาควบคุมการผลิตในเดือนมิ.ย. อย่างไรก็ตาม GIM จากธุรกิจอะโรเมติกส์และธุรกิจน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานลดลงจาก US$2.1/bbl ใน 1Q63 สู่ US$1.6/bbl ใน 2Q63 โดยมีสาเหตุหลักมาจากส่วนต่างราคาที่อ่อนแอของธุรกิจน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐาน กำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่ม (GIM) เพิ่มขึ้นจาก US$2.1/bbl ใน 1Q63 สู่ US$2.9/bbl ใน 2Q63 แต่ถูกหักล้างไปบางส่วนโดยขาดทุนสต๊อก US$1.8/bbl

คาด 3Q63 ยังคงเผชิญกับความท้าทาย ขึ้นอยู่กับการฟื้นตัวของอุปสงค์ การคลายล็อกดาวน์น่าจะช่วยหนุนให้อุปสงค์ผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปปรับขึ้นมาได้บ้าง ดังเห็นได้จาก crack spread สำหรับน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซลที่ดีขึ้นใน 3Q63TD ในขณะที่อุปสงค์น้ำมันเครื่องบินจะยังอยู่ในระดับต่ำสอดคล้องกับความต้องการเดินทางทางอากาศ ต้นทุนน้ำมันดิบชนิดเบาเพิ่มขึ้นกลับสู่ระดับที่มี premium จากราคาน้ำมันดิบดูไบ สะท้อนถึงต้นทุนที่สูงขึ้นสำหรับ TOP ซึ่งน้ำมันดิบที่ใช้ 60-70% นำเข้ามาจากตะวันออกกลาง ธุรกิจโรงไฟฟ้ายังคงเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยสนับสนุนผลประกอบการ เราคาดว่า TOP จะลดต้นทุนการดำเนินงานลงอีกใน 3Q63 เพื่อรับมือกับส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ที่อ่อนแอ

คงราคาเป้าหมายไว้ที่ 48 บาท อ้างอิง PBV ตามหลักระมัดระวังที่ 0.8 เท่า เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” TOP เนื่องจากบริษัทมีต้นทุนต่อหน่วยที่สามารถแข่งขันได้ในภาวะที่ GRM ตกต่ำ ราคาเป้าหมายที่ 48 บาท/หุ้น อิงกับ PBV ปี 2564 ระดับ 0.8 เท่า หรือ -2SD ของค่าเฉลี่ยในอดีต สถานะเงินสดของ TOP จะยังคงแข็งแกร่ง แม้บริษัทจะมีแผนลงทุนเพื่อขยายธุรกิจโรงกลั่นภายใต้โครงการ Clean Fuel Project ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญต่อประมาณการของเรา คือ ราคาน้ำมันและ GRM ผันผวน ราคาน้ำมันที่ลดลงส่งผลทำให้เกิดขาดทุนจากสต๊อกน้ำมัน และอุปสงค์ผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์ที่ต่ำกว่าคาดซึ่งจะส่งผลกระทบต่อส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์

อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิ๊ก https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิ๊ก https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิ๊ก https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิ๊ก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิ๊ก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิ๊ก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิ๊ก https://twitter.com/thunhoon1