> SET > BCP

12 สิงหาคม 2020 เวลา 11:06 น.

BCP ทรุด Q2 พลิกขาดทุน 1.9 พันลบ. จากตั้งค่าด้อยสินทรัพย์

ทันหุ้น-สู้โควิด : บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯว่า ไตรมาส 2/63 ขาดทุนสุทธิ 1,910.72 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน มีกำไรสุทธิ 528.12 ล้านบาท จากการตั้งด้อยค่าสินทรัพย์ โดยมีลูกค้าการค้ารายใหญ่ 


นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลดำเนินงานไตรมาส 2/63 มีรายได้จากการขายและการให้บริการ 26,594 ล้านบาท ลดลง 38%  เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า มี EBITDA 1,131 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 144%  เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า มี Operating EBITDA 2,645 ล้านบาท 


โดยกลุ่มบริษัทฯ มี Inventory Loss 1,725 ล้านบาท (รวมกลับรายการขาดทุนจากการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือ (NRV) 1,635 ล้านบาท) และ

เมื่อรวมการบันทึกขาดทุนจากการด้อยค่าลูกหนี้การค้ารายใหญ่ และการตั้งด้อยค่าสินทรัพย์จากการปรับเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจค้าปลีกของธุรกิจในกลุ่มส่งผลให้ไตรมาสนี้ชขาดทุนสุทธิส่วนของบริษัทใหญ่ 1,911 ล้านบาท ปรับตัวดีขึ้น 59% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และปรับตัวลดลง 462% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นขาดทุนต่อหุ้น 1.50 บาท


สำหรับผลดำเนินงานช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563 ของกลุ่มบางจากฯ ว่า เชื่อว่าธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯ ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในการได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และราคาน้ำมันโลกที่ปรับลดลงหลังจากหลายประเทศทั่วโลกเริ่มมีการผ่อนคลายมาตรการปิดเมือง และผ่อนปรนมาตรการการเดินทางมากขึ้น ประกอบกับภาครัฐมีนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจ คาดว่าจะส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันในภาคอุตสาหกรรมและภาคการขนส่งเพิ่มขึ้น 


นอกจากนี้ อุปทานน้ำมันดิบส่วนเกินมีแนวโน้มปรับลดลง หลังจากกลุ่มโอเปกและพันธมิตรร่วมมือกันลดกำลังการผลิตได้ตามข้อตกลง คาดว่าจะทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวดีขึ้น ซึ่งจะเป็นแรงหนุนให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันในช่วงครึ่งปีหลังเริ่มฟื้นตัวโดยในไตรมาส 2 ธุรกิจปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสแรกของปีในภาพรวม แต่ธุรกิจโรงกลั่นยังคงได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันดิบและราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่ยังอยู่ในระดับต่ำ นอกจากนี้ในช่วงไตรมาสที่ 2 ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เช่นสายการบิน นับว่าได้รับผลกระทบหนักที่สุด ทำให้ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563 บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีรายได้จากการขายและการให้บริการ 69,665 ล้านบาท ลดลง 26% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มี EBITDA ติดลบ 1,415 ล้านบาท ลดลง 134% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีผลขาดทุนสุทธิส่วนของบริษัทใหญ่ 6,571 ล้านบาท ลดลง 986% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นขาดทุนต่อหุ้น 5.02 บาท


ในส่วนของผลการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจต่างๆ นั้นได้ผ่านจุดต่ำสุดในเดือนเมษายน โดยกลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน ที่แม้ยังคงได้รับผลกระทบจากค่าการกลั่นที่ยังอยู่ในระดับต่ำตามความต้องการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงทั่วโลกที่ลดลง ได้ปิดซ่อมหน่วยกลั่นที่ 2 เป็นเวลา 2 เดือนในเดือนเมษายนและพฤษภาคม ทำให้การผลิตลดลงเหลือ 74% ของกำลังการผลิตรวมของโรงกลั่น เฉลี่ยอยู่ที่ 89,300 บาร์เรลต่อวัน เหมาะสมกับความต้องการใช้น้ำมันในประเทศ 


ส่วน กลุ่มธุรกิจการตลาด ผลการดำเนินงานปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อน เนื่องจากในไตรมาสนี้มี Inventory Gain ขณะที่ไตรมาสก่อนมี Stock Loss ถึงแม้ว่าปริมาณการจำหน่ายรวมของธุรกิจการตลาดลดลง โดยส่วนใหญ่ลดลงจากการจำหน่ายน้ำมันผ่านตลาดอุตสาหกรรม เนื่องจากยังคงได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะในเดือนเมษายน 2563 ที่มีการแพร่ระบาดรุนแรง ทำให้ปริมาณการจำหน่ายผ่านตลาดค้าปลีกในเดือนเมษายนปรับลดลง 17% เมื่อเทียบกับปริมาณจำหน่ายเฉลี่ยของไตรมาสก่อนหน้า แต่เริ่มกลับเข้าสู่ระดับใกล้เคียงภาวะปกติในเดือนมิถุนายนหลังจากเริ่มมีการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ  ค่าการตลาดสุทธิต่อหน่วยปรับเพิ่มจากสัดส่วนการจำหน่ายผ่านช่องทางค้าปลีกปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งเป็นช่องทางการจำหน่ายที่มีค่าการตลาดสูงกว่าช่องทางตลาดอุตสาหกรรม 


ทั้งนี้ บริษัทฯ มีส่วนแบ่งการตลาดด้านปริมาณการจำหน่ายน้ำมันผ่านสถานีบริการสะสมเดือนมกราคม - มิถุนายน 2563 อยู่ที่ 15.6% (ข้อมูลกรมธุรกิจพลังงาน) พร้อมกันนี้ ยังดำเนินตามกลยุทธ์ในการขยายจำนวนสถานีบริการเพิ่มขึ้น ถึงแม้จะชะลอการลงทุนบางส่วนในสภาวะที่เศรษฐกิจของประเทศชะลอตัว โดย ณ สิ้นไตรมาส 2 บางจากฯ มีจำนวนสถานีบริการน้ำมันทั้งสิ้น 1,212 สาขา


นอกจากนี้ ยังประสบความสำเร็จจากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ Gasohol S EVO FAMILY ได้รับการตอบรับจากประชาชนอย่างดีเยี่ยม พร้อมทั้งยกระดับ E20 S EVO เป็นน้ำมันคุณภาพเกรดพรีเมียมจำหน่ายราคาเท่าเดิม สอดคล้องกับความต้องการใช้ที่เติบโตต่อเนื่องและสนองนโยบายภาครัฐที่จะผลักดันให้เป็นน้ำมันพื้นฐานของประเทศ มีการนำนวัตกรรมระบบ Digital Payment ผ่านเครื่อง Mobile EDC Banking มาให้บริการในการชำระเงินค่าน้ำมันพร้อมกับการสะสมคะแนน ช่วยอำนวยความสะดวกและสอดคล้องวิถีชีวิตผู้บริโภคในวิถีใหม่สังคมไร้เงินสด 


และในส่วนของธุรกิจ Non-Oil ร้านกาแฟอินทนิล ขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง โดย ณ สิ้นไตรมาส 2 มีร้านกาแฟอินทนิลรวม 618 สาขา


ด้าน กลุ่มธุรกิจพลังงานไฟฟ้า มี EBITDA 863 ล้านบาท มีปริมาณการจำหน่ายไฟฟ้ารวม 151.45 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง เพิ่มขึ้น 34% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า จากการจำหน่ายไฟฟ้าพลังงานน้ำในประเทศลาวและโครงการผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่น ประกอบกับในไตรมาสนี้เป็นไตรมาสแรกที่โครงการ “Nam San 3B” โรงไฟฟ้าพลังงานน้ำในประเทศลาวรับรู้ผลการดำเนินงานเต็มไตรมาส กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ ในส่วนของธุรกิจผลิตและจำหน่ายไบโอดีเซล ผลดำเนินงานปรับตัวเพิ่มขึ้น 80% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากราคาขายผลิตภัณฑ์ B100 ที่ปรับขึ้นค่อนข้างมาก ตามมาตรการเพิ่มสัดส่วนการใช้ไบโอดีเซลของภาครัฐ ที่กำหนดให้ B10 เป็นน้ำมันเกรดหลัก 


ส่วนธุรกิจผลิตและจำหน่ายเอทานอล ผลการดำเนินงานปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 54 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เป็นผลจากราคาขายเฉลี่ยผลิตภัณฑ์เอทานอลปรับตัวสูงขึ้นตามความต้องการใช้เอทานอลเกรดอุตสาหกรรมเพื่อนำไปผลิตเจลแอลกอฮอล์ และผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อโรค และมีปริมาณการจำหน่ายรวมผลิตภัณฑ์เอทานอลเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า


กลุ่มธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ ผลการดำเนินงานดีขึ้น 105% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม OKEA แม้ว่ารายได้จะลดลงจากผลกระทบของไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลต่อราคาน้ำมันและราคาก๊าซธรรมชาติ อีกทั้งมีการเลื่อนการหยุดซ่อมบำรุงตามแผนของแหล่งผลิต Draugen จากเดือนกันยายนมาเป็นช่วงปลายเดือนมิถุนายน ส่งผลให้ปริมาณการจำหน่ายลดลง แต่ในไตรมาสนี้รับรู้ผลกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินโครนนอร์เวย์ (NOK) เทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และมีการตั้งด้อยค่าลดลง


สถาบัน BiiC ยังคงสนับสนุนธุรกิจสตาร์ทอัพและการคิดค้นวิจัยนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อต่อยอดพัฒนาธุรกิจให้กับกลุ่มองค์กรอย่างต่อเนื่อง พร้อมส่งเสริมให้พนักงานมีส่วนร่วมในการคิดวิธีนำพาธุรกิจให้เติบโตขึ้น และอยู่ระหว่างการพิจารณาสตาร์ทอัพรายใหม่ๆ หลังจากที่ได้เปิดตัวโครงการ Winnonie ที่นำนวัตกรรมพลังงานสีเขียวมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ามาช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตผู้ประกอบอาชีพขับขี่รถจักรยานยนต์สาธารณะไปเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา


อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิ๊ก
https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิ๊ก
https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิ๊ก
https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิ๊ก
https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิ๊ก
https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิ๊ก
https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิ๊ก
https://twitter.com/thunhoon1


จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X