> SET > CENTEL

14 สิงหาคม 2020 เวลา 14:45 น.

CENTEL อ่วม Q2 ขาดทุน 465 ลบ., คาดรายได้ต่อห้องพักเฉลี่ยปีนี้ลดราว 60%

ทันหุ้น-สู้โควิด : บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด(มหาชน) หรือ CENTEL แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ไตรมาส 2/63 ขาดทุน 465.49 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไร 232.42 ล้านบาท ลดลง 300.3% โดยมีรายได้รวมในไตรมาส 2/63 จำนวน 2,336.3 ล้านบาท ลดลง 55.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกัน

ปีก่อนอยู่ที่ 5,225.6 ล้านบาท โดยรายได้จากธุรกิจโรงแรมลดลง 93.1% และธุรกิจอาหาร ลดลง 31.9% 


โดยสัดส่วนของรายได้จากธุรกิจโรงแรมต่อรายได้จากธุรกิจอาหาร อยู่ที่ 6% ต่อ 94% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/62 จะมีสัดส่วนจากโรงแรม 38% และอาหาร 62% ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 57.4% ของรายได้ เพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งอยู่ที่ 54.9% 


ธุรกิจโรงแรม ณ วันที่ 30 มิ.ย.2563 มีโรงแรมภายใต้การบริหารทั้งสิ้น 80 โรงแรม 16,987 ห้อง โดยเป็นโรงแรมที่เปิดดำเนินการแล้วทั้งสิ้น 41 โรงแรม จำนวน 7,647 ห้อง และเป็นโรงแรมที่กำลังพัฒนา 39 โรงแรม 9,337 ห้อง ในส่วน 41 โรงแรมที่เปิดดำเนินการแล้วนั้น 18 โรงแรม 4,457 ห้องเป็นโรงแรมที่บริษัทเป็นเจ้าของ และ 23 โรงแรม 3,190 ห้องเป็นโรแรมที่อยู่ภายใต้สัญญาบริหาร 


ทั้งนี้มาตรการปิดเมืองในช่วงต้นไตรมาส 2 ส่งผลต่อธุรกิจท่องเที่ยวอย่างมาก เนื่องจากการท่องเที่ยวและการโรงแรมไทยมีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นหลัก ทั้งนี้โรงแรมในเครือเซ็นทาราที่บริษัทลงทุนเองได้เริ่มทยอยปิดชั่วคราวใน เม.ย.ทั้ง 16 โรงแรม คงเหลือไว้แต่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์และบางกอก คอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ เพื่อรองรับบุคคลากรทางการแพทย์ และโรงแรมเซ็นทรา บาย เซ็นทารา ศูนย์ราชการ และคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ ได้เปิดให้บริการแก่กลุ่มลูกค้าบริษัทเอกชนเป็นหลัก 


อย่างไรก็ตาม จากมาตรการที่เข้มงวดของภาครัฐในการควบคุมกาแแพร่ะรบาดโควิด-19 สามารถควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดได้ตามลำดับ ซึ่งใน มิ.ย.บริษัทได้เริ่มทยอยเปิดดำเนินการโรงแรมที่ลงทุนเอง โดยเปิดโรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ มิราจ บีซ รีสอร์ท, พัทยาเป็นแห่งแรก ณ 30 มิ.ย.2563 มีโรงแรมเปิดดำเนินการทั้งสิ้น 12 โรงแรม แบ่งเป็นโรงแรมที่ลงทุนเอง 3 โรงแรม และโรงรับที่รับบริหาร 9 โรงแรม 


**เปิดเป้าหมายปี 63


ธุรกิจโรงแรม การฟื้นตัวของธุรกิจหลังจากทยอยเปิดดำนินการอีกครั้งจะค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากยังต้องพึ่งอุปสงค์จากนักท่องเที่ยวภายในประเทศเป็นหลัก ซึ่งสถานที่เที่ยวที่นิยมจะไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนัก เช่นพัทยาและหัวหิน มีอัตราการเข้าพักสูงในช่วงสุดสัปดาห์ และช่วงวันหยุดยาว แต่ช่วงระหว่างสัปดาห์อัตราการเข้าพักไม่สูงมากนัก ส่วนโรงแรมในกรุงเทพฯ จะต้องอาศัยการฟื้นตัวของการจัดงานประชุมสัมมนาเป็นสำคัญ 


ส่วนโรงแรมในต่างจังหวัดที่ห่างไกลจากกรุงเทพฯ เช่น ภูเก็ต สมุย ซึ่งพึ่งพานักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นหลัก เช่นเดียวกับโรงแรมที่มัลดีฟส์ จะเริ่มทยอยเปิดในช่วงท้ายไตรมาส 3 และอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ขึ้นอยู่กับอัตราการจองห้องพักล่วงหน้า ดังนั้นภาพรวมรายได้ต่อห้องพักเฉลี่ย (Revpar) ในปี 2563 (ไม่รวมโรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ บีซรีสอร์ท สมัยและโรงแรมโคซี่ พัทยา วงศ์อมาตย์ บีซ) คาดว่าจะลดลงประมาณ 60% เทียบกับปีก่อน อัตราการเข้าพักเฉลี่ย(OCC) ประมาณ 30-35% 


ธุรกิจอาหาร คาดว่าในปีนี้อัตราการเติบโตจากสาขาเดิม หรือ SSS และอัตราการเติบโตของยอดขายรวมทุกสาขา จะลดลงประมาณ 16-18% และ 12% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาสำหรับการเติบโตของจำนวนสาขาบริษัท คาดว่าจะมีจำนวนสาขาเพิ่มสุทธิ 50-70 สาขา 


อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิ๊ก
https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิ๊ก
https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิ๊ก
https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิ๊ก
https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิ๊ก
https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิ๊ก
https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิ๊ก
https://twitter.com/thunhoon1



จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X