ทันหุ้น – TK ยังคงแผนตั้งสำรองระดับสูง รับมือความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ที่กระทบต่อความสามารถในการผ่อนชำระของลูกหนี้ ย้ำมีกระแสเงินสดระดับสูง 1,200 ล้านบาท หากล็อคดาวน์อีกครั้งก็รับไหว ส่วนแผนลงทุนเมียนมา มูลค่าราว 400 ล้านบาท แม้ชะลอเพราะการระบาดของโควิด-19 เบื้องต้นคาดปืดดีลได้ปีนี้

นายประพล พรประภา กรรมการ และรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) หรือ TK ผู้ให้บริการเช่าซื้อรถจักรยานยนต์รายใหญ่ในประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทมีกลยุทธ์ในการคัดกรองลูกค้ามาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการตั้งสำรองที่สูง มาโดยตลอดเนื่องมองว่า จากลูกค้ามีความอ่อนไหวทางเศรษฐกิจค่อนข้างมาก ก่อนสถานการณ์โควิด-19 จะเกิดขึ้น โดย ษัทคิดว่าการตั้งสำรอง น่าจะเพียงพอหากมีสถานการณ์ล็อคดาวน์อีกครั้ง ทั้งนี้ ณ สิ้นไตรมาสที่ 2/2563 บริษัทมีกระแสเงินสด 1,200 ล้านบาท

นอกจากนี้ยังได้มีการขออนุมัติผู้ถือหุ้นในการเข้าซื้อบริษัทในประเทศเมียนมา มูลค่าประมาณ 400 ล้านบาท ปัจจุบันได้ชะลอการลงทุนออกไปก่อน เนื่องจากมีสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 แค่คาดว่าน่าจะสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีภายในปีนี้ หรืออย่างช้าต้นปีหน้าโดยภายหลังจากการเข้าซื้อกิจการดังกล่าวจะช่วยสนับสนุนการเติบโตในอนาคต

รวมถึงทำให้สัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเพิ่มขึ้น จากปจุบนสัดส่วนรายได้ในประเทศและต่างประเทศอยู่ที่ราว 50:50 โดยบริษัทในเมียนมาที่ TK เข้าไปลงทุนนั้น ปัจจุบันมี 10 สาขา สะท้อนถึงการมีฐานลูกค้ารองรับการขยายธุรกิจของ TK

สำหรับ พอร์ตสินเชื่อส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อรถจักรยานยนต์ รองลงมาคือสินเชื่อรถยนต์ และปัจจุบันในประเทศไทยบริษัทมี 75 สาขา ใน 57 จังหวัด ส่วนในประเทศกัมพูชาบริษัทมีสาขาทั้งหมด 12 สาขา สำหรับในประเทศ สปป.ลาว บริษัทมีอยู่จำนวน 3 สาขา และคาดว่าจะมีโอกาสเพิ่มขึ้นในอนาคต

อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 2/2563 ในส่วนของลูกหนี้ค้างชำระทั้งรถจักรยานยนต์และรถยนต์เกิน 3 เดือนอยู่ที่ 9.8% เนื่องจากลูกค้ากำลังซื้อของลูกค้าลดลงจากสถานการณ์โควิด-19 ที่นำไปสู่การล็อกดาวน์ หยุดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตามบริษัทก็ได้ให้การช่วยเหลือตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทย และภาครัฐบาล

บริษัทได้มีการอนุมัติแผนการช่วยเหลือกลุ่มลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ทั้ง ทางตรงและทางอ้อมไปในช่วงปลายไตรมาส 1-2 โดยมีมาตรการช่วยเหลือลูกค้าทุกรายในประเทศและต่างประเทศ จํานวนรวมทั้งสิ้น 210,200 ราย ได้แก่ การหยุดพักชําระหนี้ค่างวด (เงินต้นและดอกเบี้ย)

การลดยอดผ่อนชําระค่างวดลงให้อยู่ในระดับขั้นตํ่าตามที่กำหนด รวมถึงการให้ส่วนลดพิเศษเพิ่มเติมจากอัตราปกติสําหรับลูกหนี้ที่ต้องการปิดยอดคงค้างของบัญชีก่อนกำหนด และการให้ความคุ้มครองโควิด-19 สําหรับลูกค้าที่ยังคงชําระค่างวดเต็มได้ตามเดิม โดยการให้สิทธิ์การพักชําระหรือชําระบางส่วนแก่ลูกค้าจะอิงตามประวัติการชําระเดิม ซึ่งที่ผ่านมาลูกค้าโดยส่วนใหญ่ยังมีการชําระเต็มจํานวนเฉลี่ยสูงถึง 74.6% จึงทําให้บริษัทฯ สามารถเก็บค่างวดคิดเป็นสัดส่วนเฉลี่ยสูงถึง 87.4%ในช่วงไตรมาส 2/2563