ทันุห้น – สู้โควิด - SICT เตรียมคลอดโปรดักส์ใหม่ทำเงิน ในกลุ่มไมโครชิพลงทะเบียนสัตว์ ไมโครชิพกุญแจสํารองยานยนต์ ไมโครชิพระบบเข้า-ออกสถานที่ และไมโครชิพรูปแบบอื่นภายในปีนี้ พร้อมย้ำเป้าเติบโตปีละ 20% หรือโตเป็นสองเท่าภายใน 4 ปี
นายมานพ ธรรมศิริอนันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซิลิคอน คราฟท์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SICT ประกอบธุรกิจออกแบบ วิจัยและพัฒนาวงจรรวม (Integrated Circuit Design) หรือไมโครชิพ เปิดเผยว่า บริษัทเติบโตจาก 4 กลุ่มธุรกิจ คือ ไมโครชิพสำหรับระบบกุญแจสำรองอิเลกทรอนิกส์ยานยนต์ ไมโครชิพสำหรับระบบลงทะเบียนสัตว์ ไมโครชิพสำหรับระบบเข้า-ออกสถานที่ และระบบการอ่านข้อมูล และไมโครชิพอื่นๆ โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาท และอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงกว่า 40%
เพิ่มโปรดักส์ใหม่
ทั้งนี้บริษัทได้เตรียมเพิ่ม 2 ผลิตภัณฑ์ใหม่ในส่วนของไมโครชิพสําหรับระบบลงทะเบียนสัตว์ (Animal Identification) ภายในปี 2564 ซึ่งอัตราการเติบโตของระบบลงทะเบียนสัตว์อยู่ที่ 8.29% ต่อปี ซึ่งมีการขยายตัวจากข้อบังคับในหลายประเทศ ซึ่งลูกค้าของบริษัทอยู่ในต่างประเทศเกือบทั้งหมด
ขณะที่ไมโครชิพสําหรับระบบกุญแจสํารองยานยนต์ (Immobilizers) บริษัทเตรียมเพิ่ม 2 ผลิตภัณฑ์ใหม่ภายในปี 2563 และอีก 1 ผลิตภัณฑ์ใหม่ภายในปี 2565 ซึ่งปัจจัยการเติบโตจะมาจากผลิตภัณฑ์ใหม่สามารถใช้กับรถได้หลายรุ่นมากขึ้น ซึ่งจํานวนรถยนต์ที่ใช้ Immobilizer เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยอัตราการเติบโตในตลาดกลุ่ม เอเชีย-แปซิฟิก อาทิ กุญแจสํารองใน 2564 อยู่ที่ 7.34% เเละรีโมทสํารองอยู่ที่ 7.16%
สำหรับไมโครชิพสําหรับระบบเข้า-ออกสถานที่ และ ระบบการอ่านข้อมูล (Access Control and Interrogator or Reader) บริษัทเตรียมเพิ่ม 1 ผลิตภัณฑ์ใหม่ ภายในปี 2563โดยมองว่าตลาดยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก
เป้าโตสองเท่า
นอกจากนี้ยังมีไมโครชิพสําหรับการใช้งานรูปแบบอื่นๆ (Others) ซึ่งบริษัทเตรียมเพิ่ม 2 ผลิตภัณฑ์ใหม่ ภายในปี 2563 และ 1 ผลิตภัณฑ์ใหม่ภายในปี 2565 ซึ่งมองว่า NFC Smartphone มีจํานวนมากขึ้น โอกาสการเติบโตของ e-commerce ด้านอัตราการเติบโตของระบบป้องกัน การปลอมแปลง อาทิ กลุ่มแอพพลิชั่น เภสัชกรรม อาหารและเครื่องดื่ม เครื่องสําอางค์ สินค้ามูลค่าสูง ซึ่งมีจุดเด่นในป้องกันการทําซํ้าได้ เเละมีอัตราการเติบโตที่ดีกว่ากลุ่มอื่น
อย่างไรก็ตามหลังจากการเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ mai บริษัทตั้งเป้าเติบโตปีละ 20%หรือเติบโตเป็นสองเท่าภายใน 4 ปี(2563–2566) ซึ่งบริษัทมีความมั่นใจจากการที่กลุ่มของผลิตภัณฑ์ที่ตลาดมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และบริษัทมีลูกค้ารายใหญ่สำคัญของโลก และสามารถเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดของบริษัทได้ นอกจากนี้บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของกำไรสุทธิ ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีอัตราหนี้สินต่อทุนในระดับต่ำโดยก่อน IPO อยู่ที่ 0.4 เท่า ซึ่งคาดว่าหลังจากเข้าระดมทุนบริษัทจะมีอัตราหนี้สินต่อทุนลดลงเหลือ 0.1 เท่า
ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2563 มีกำไรสุทธิ 10.75 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 316.63% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า และรายได้รวมอยู่ที่ 74.96 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.41% โดยมีธุรกิจไมโครชิพระบบลงทะเบียนสัตว์เป็นตัวดันรายได้และกำไร เผยวิกฤติโควิดปรับตัวมาใช้การติดต่อลูกค้าทางออนไลน์ ค่าใช้จ่ายเรื่องการขาย และการตลาดลดลงอย่างมาก
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม