ทันหุ้น –สู้โควิด –CBG-CRC-BBL เข้าดัชนี FTSE ตามคาด มีผล 18 กันยายนนี้ เป้าเม็ดเงินลงทุนไหลเข้า โบรกประเมิน CRC เม็ดเงินไหลเข้า 90.5 ล้านดอลลาร์ BBL คาดเม็ดเงินไหลเข้า 76 ล้านดอลลาร์ ส่วน CBG เม็ดเงินไหลเข้า 32 ล้านดอลลาร์ ขณะที่มีอีก 26 หุ้น ติดโผด้วย

บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสินจำกัด  ระบุว่า FTSE ประกาศรายชื่อหุ้นชุดใหม่แล้ว เมื่อคืนวันศุกร์ที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา และจะมีการปรับน้ำหนักในวันที่ 18 กันยายน นี้ 1.หุ้นไทยที่เข้า FTSE All World Index(Large + Mid Cap) : ได้แก่ CRC คาดจะมีเม็ดเงินไหลเข้า 90.5 ล้านดอลลาร์, BBL คาดเม็ดเงิน NVDR คาดเม็ดเงิน 76 ล้านดอลลาร์ และ CBG คาดเม็ดเงินไหลเข้าราว 32 ล้านดอลลาร์ ขณะเดียวกันได้ ลดน้ำหนัก PTT, CPALL, SCC, AOT, ADVANC, BDMS, SCB, GULF และ PTTEP เฉลี่ย 11 ล้านดอลลาร์ ถึง 3 ล้านดอลลาร์ต่อบริษัท

2.FTSE Large Cap : เข้าใหม่ CRC, BBL(NVDR), BGRIM(Upgrade จาก Mid Cap) ออก TOP(Downgrade สู่ Mid Cap) 3.FTSE Mid Cap : เข้าใหม่ CBG, TOP(ถูก Downgrade) ออก BGRIM (ถูกUpgrade) 4.FTSE Small Cap : เข้าใหม่ MEGA, JMT, IMPACT ออก CBG (ถูกUpgrade)

5.FTSE Micro Cap : เข้าใหม่ SGP, BAFS, SPF, S, PRIME, SABINA, SINGER, LST, TWPC, UAC, MAJOR, MFEC, APURE, BIG, MODERN, THIP, ESTAR, SCP, EMC, TRC, TEAMG ออก RBF, SKR, TNR, BRRGIF, LHPF, RCI, IHL, RSP

*BBL เป้า 120 บาท

ฝ่ายวิจัย ได้ประเมินหุ้น BBL โดยให้ราคาเป้าหมายกลางปี 2564 ที่ 120 บาทต่อหุ้น คาดว่ากำไรปีนี้อ่อนตัว 38% แต่เป็นภาพเดียวกับทั้งกลุ่มฯ และมีจุดแข็งกว่าในภาวะปัจจุบัน ที่กลุ่มลูกค้าหลักเป็น Corporate จะทนทานกว่า และมีนโยบาย Conservative ตั้งสำรองมาโดยตลอด จะรองรับภาวะผันผวนดีกว่า คาดกำไรครึ่งปีหลังจะฟื้นตัว เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก จากค่าใช้จ่ายสำรองลดลง จากการเร่งตั้งสำรองในไตรมาส 2/2563 และจัดชั้น NPL เข้มงวดกว่าธนาคารอื่น

ด้าน Valuation มองราคาหุ้น Undervalued มาก และ Laggard ตลาดมาก ซื้อขาย P/BV เหลือ 0.4 เท่า ต่ำกว่าช่วง Crisis ที่สูง 0.65 เท่า และยังมีปัจจัยบวกจากการที่หุ้นถูกเข้าคำนวณ FTSE All World Index มีผล 18 กันยายน 2563 มีผลบวกเชิงจิตวิทยาต่อ BBL

*CRC ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว

ส่วนหุ้น CRC คาดผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดในไตรมาส 2/2563 ไปแล้ว จะเริ่มทยอยฟื้นตัวในครึ่งปีหลัง จากธูรกิจแฟชั่น/Hard line/ Food ซึ่งมีสัดส่วนรายได้ 22%/ 32%/ 46% และคาดหวังกลับมาเติบโตเต็มที่ในปี 2564 โดยรวมภาพการฟื้นตัวยังใกล้เคียงกับกลุ่มค้าปลีกทั่วไป

ด้าน Valuation ราคาหุ้นเป็นจุดที่เก็งกำไรได้ หลังผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดและราคายังประคองตัวอยุ่ในโซนล่าง ซื้อขายพี/อี เรโช ปี 2564 ที่ 28 เท่า ถือว่ายังเหมาะสม จากปกติกลุ่มซื้อขาย 25-30 เท่า และยังมีปัจจัยบวกจากการที่หุ้น จะถูกเข้าคำนวณ FTSE All World Index มีผล 18 กันยายน 2563

*CBG เป้า 170 บาท

บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบถึง CBG ว่า ปี 2564 จะเป็นปีทองของ CBG โดยประเมินกำไรปกติที่ 4,459 ล้านบาท (+24% จากปีก่อน) จาก 1.รายได้ในประเทศที่ขยายตัวต่อเนื่อง +8% จากปีก่อน โดยเฉพาะ Woody C+Lock คาดรายได้ 1,024 ล้านบาท เติบโต +30% จากปีก่อน จากตลาดเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่ขยายตัวต่อเนื่องรายได้ต่างประเทศ +16% จากปีก่อน จากการรับรู้กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นของขวดและกระป๋องที่ 30-40% เต็มปี, 2.GPM ขยายตัวต่อเนื่องจาก Economy Of Scale และ Utilization rate โรงงานที่เพิ่มขึ้น ทั้ง ACM, APG และ APM

คงราคาเป้าหมายปี 2564 ที่ 170 บาท อิง PER ปี 2564 ที่ 38.0 เท่า มองว่า PER 38.0 เท่า เป็นระดับที่เหมาะสม โดย CBG กำลังก้าวสู่วัฏจักรการเติบโตรอบใหม่ และโมเมนตัมของกำไรอยู่ในทิศทางขาขึ้น โดยมี 2563-2564Core EPS CAGR ที่ 33% อีกทั้ง CBG ยังมี Upside จาก Woody C+Lock ทั้งในไทยและต่างประเทศและรายได้จากต่างประเทศขยายตัวมากกว่าคาด