ทันหุ้น-สู้โควิด-กลุ่มแพทย์แนะรัฐเปิดประตูต่างชาติเข้ารักษากว้างขึ้น BCH ชี้การแพทย์ไทยขึ้นชั้นโดดเด่นเป็นโอกาสท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ เดินหน้าจับมือโรงแรมกักตัว12แห่ง รับอนุมัติแล้ว 7 แห่ง ส่วนไตรมาส 3/2563 ผลงานเด่นตามไฮซีซั่น ทั้งปีโต 4-6% ประกันสังคมพุ่ง 8-12% ปี 64 ผู้ประกันตนแตะ 1 ล้านราย ศึกษาโรงพยาบาลมะเร็ง คาดใช้งบ 200 ล้านบาท

ศ.ดร.นพ. เฉลิม หาญพาณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH เปิดเผยว่า ธุรกิจบริการทางการแพทย์ไทยมีแนวโน้มที่ดีเนื่องจากระบบสาธารณสุขไทยได้รับการยอมรับในระดับสากล หากสถานการณ์COVID-19 ยังอยู่ภายใต้การบริหารจัดการที่ดี ประเทศไทยจะเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางชั้นนำของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของโลก

แต่ก็อยากจะให้ภาครัฐมีระบบการจัดการที่ดี ให้มีความชัดเจน ให้สามารถเดินทางเข้ามาในประเทศได้อย่างถูกต้อง อย่างในประเทศเพื่อนบ้าน เพราะว่าทางการแพทย์ไทยก็ได้รับการยอมรับ และจะเป็นตัวช่วยในการสร้างโอกาสทางธุรกิจด้วย

สำหรับแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3/2563 คาดว่าผลประกอบการจะโดดเด่น เพราะเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ ที่จะมีผลการดำเนินงานอย่างโดดเด่นสูงสุดของปีเนื่องจากโรคระบาดประจำฤดูรวมถึงโรคที่มากับฝนทำให้การใช้บริการทางการแพทย์มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากทั้งผู้ป่วยนอก ผู้ป่วยใน รวมไปถึงป่วยประกันสังคมด้วย ที่ก่อนหน้านี้อาจจะลดลงไปบ้าง

โดยในครึ่งปีหลังคาดว่ารายได้จาก กลุ่มประกันสังคมจะเติบโต 8-12% และยังมีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทก็มีแผนที่จะเพิ่มจำนวนผู้ประกันตนต่อเนื่องคาดว่าปี 2564 จำนวนผู้ประกันตนจะเพิ่มเป็นระดับ 1 ล้านราย จากปัจจุบัน มีจำนวนผู้ประกันตนทั้งสิ้น 887,000 ราย

*ร่วม12โรงแรมกักตัว

ขณะที่ผู้ป่วยต่างชาติก็เริ่มกลับมา ตามนโยบายของภาครัฐ ซึ่งทางโรงพยาบาลส่วนใหญ่ก็จะเป็น สถานกักกันในโรงพยาบาลทางเลือก (Alternative Hospital Quarantine)นอกจากนี้ยังมีในเรื่องที่ดำเนินการร่วมกับโรงแรมคือ Alternative State Quarantine (ASQ) หรือ สถานที่กักตัวทางเลือก  โดยทางโรงพยาบาลได้ยื่นเรื่องไปแล้ว12 โรงแรม แต่ขณะนี้ได้รับการอนุมัติแล้ว 7 แห่งส่วนที่เหลือคาดว่าจะทยอยได้รับการอนุมัติทำให้โดยปีนี้บริษัทคาดว่ารายได้จะเติบโตได้ 4-6% และบริษัทยังคงเน้นการบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ

ส่วนการขยายกิจการเพื่อเพิ่มอาณาเขตพื้นที่ให้บริการสำหรับปีนี้ในไตรมาส 4ปี 2563บริษัทตั้งเป้าเปิดโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ปราจีนบุรีเพื่อให้บริการทางการแพทย์แก่กลุ่มคนทางานภายในนิคมอุตสาหกรรม304ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติรวมถึงชุมชนระแวกใกล้เคียง และภายในไตรมาสแรก ปี 2564บริษัทตั้งเป้าเปิดโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนลเวียงจันทน์ เพื่อให้บริการแบบครบวงจรแก่คนท้องถิ่นกลุ่มคนทางานรวมถึงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติใน สปป.ลาว โดยคาดว่าจะใช้เงินลงทุนในครึ่งปีหลังอีกราว 650 ล้านบาท

นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างการศึกษาก่อสร้างโรงพยาบาลมะเร็ง 1 แห่ง ซึ่งจะเป็นโรงพยาบาลขนาดเล็ก จำนวนเตียงประมาณ 10-20 เตียง โดยตั้งงบประมาณไว้ทั้งสิ้น 200 ล้านบาทนอกจากนี้ยังมองหาโอกาสขยายการลงทุน โดยมี 2 รูปแบบ คือ การทำ M&A โรงพยาบาลเพิ่มเติม และการสร้างใหม่ในพื้นที่ที่มีความต้องการ แต่ปัจจุบันอยู่ในช่วงระบาดของ COVID-19 จึงจะพิจารณาอีกครั้งในปี 2564

นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน- กลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน)ระบุถึงกลุ่มโรงพยาบาลมีแนวโน้มเติบโตได้ดี เพราะระบบสาธารณสุขไทยค่อนข้างแข็งแรง ที่ผ่านมาประเทศไทยก็มีระบบการจัดการสาธารณสุขที่ดี สามารถควบคุมสถานการณ์โควิด-19 ได้ ทำให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล จึงเป็นโอกาสที่จะช่วยเพิ่มรายได้ให้แก่โรงพยาบาลขนาดใหญ่ในอนาคต

ทั้งนี้ ครึ่งปีหลัง 2563 คาดว่าผลการดำเนินงานกลุ่มโรงพยาบาลจะลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน และจากครึ่งปีแรก เนื่องจากคาดว่าโรงพยาบาลขนาดใหญ่ (BDMS, BH)จะมีกำไรลดลงกว่ากลุ่มฯ ตามทิศทางรายได้กลุ่มลูกค้าต่างชาติที่จะฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป สำหรับโรงพยาบาลขนาดกลาง (BCH, CHG) คาดว่าจะมีกำไรเติบโตจากช่วงเดียวกันปีก่อน และจากครึ่งปีแรก เด่นกว่ากลุ่มฯ มีปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวของลูกค้าในประเทศ และกลุ่มลูกค้าโครงการรัฐ รวมทั้งมีปัจจัยบวกเฉพาะตัวจากบันทึกค่ารักษาประกันสังคมส่วน RW>2

*ปีหน้ากำไรแรง

สำหรับปี 2564 คาดว่ากำไรรวม (เติบโต 71%จากช่วงเดียวกันปีก่อน) ฟื้นตัวแรงตามผลการ ดำเนินงานโรงพยาบาลขนาดใหญ่ ซึ่งมีปัจจัยบวกจากกลุ่มลูกค้าต่างชาติกลับมาใช้บริการเพิ่มขึ้นตามการผ่อนปรนของภาครัฐฯ ส่วนกลุ่มโรงพยาบาลขนาดกลางคาดว่ากำไรเติบโตต่อเนื่อง เลือก BDMS CHG เป็นหุ้นเด่น