ทันหุ้น – สู้โควิด – MEGA รับผลดีโควิดกระตุ้นใส่ใจสุขภาพ มั่นใจยอดขายทั้งปีโต 5-10% เร่งลงทุนโรงงานใน 3 ประเทศหนุนการออกสินค้าใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ปักธงขึ้นเป็นผู้นำในตลาดอาเซียน ยอดขายโต 2 ดิจิตต่อเนื่อง 5 ปี ย้ำตลาดอินโดนีเซีย-แอฟริกามีศักยภาพโตสูง ลุยซื้อกิจการ ด้านนักวิเคราะห์ฟันธงกำไรโตกว่า 10% 2 ปีต่อเนื่องเคาะ “ซื้อ” เป้า 44 บาท

นายวิเวก ดาวัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมก้า ไลฟ์ไซแอ็นซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ MEGAระบุ บริษัทยังคงเป้ายอดขายรวมทั้งปี 2563 เติบโต 5-10% โดยจะเน้นการเปิดตัวสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง ล่าสุด ได้เปิดตัวสินค้าเพื่อสุขภาพสำหรับเด็ก และเครื่องดื่ม “ดร.ดริ้งค์” (DR.DRINK) ซึ่งบริษัทดำเนินการเองทั้งหมด

พร้อมกันนี้มั่นใจว่าจากการลงทุนปรับปรุงประสิทธิภาพโรงงานในจังหวัดสมุทรปราการ, การลงทุนโรงงานยาร่วมกับพันธมิตรในเมียนมา, รวมถึงการขยายโรงงานยาในอินโดนีเซีย ควบคู่กับการผลิตสินค้าใหม่ทุกกลุ่มทั้งยา, อาหารเสริม, ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพ ฯลฯ จะผลักดันให้ผลการดำเนินงานของบริษัทในระยะ 5 ปี จะขยายตัวได้ด้วยตัวเลขเติบโต 2 หลักต่อปี เพราะแบรนด์ของ MEGA ยังคงได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง จากการให้ความรู้ในการดูแลสุขภาพอย่างครบวงจร

สำหรับการเติบโตจะมาจากตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศ โดยยอดขายในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้นจากการขายทั้งยา วิตามิน รวมไปถึงการสต๊อกสินค้า ส่วนตลาดต่างประเทศยังเติบโตได้ดี โดยเฉพาะในกลุ่มเอเชียตะวันออก เฉียงใต้ เช่น เมียนมา ยอดขายของ Maxxcare ปรับตัวดีขึ้น ขณะที่ เวียดนาม มาเลเซีย ก็มียอดขายที่ดีขึ้นต่อเนื่อง

“บริษัทดำเนินธุรกิจด้านยา วิตามิน ซึ่งเป็นเทรนด์ ของการดูแลรักษาสุขภาพด้วย ทำให้ยอดขายอยู่ในระดับที่ดีต่อเนื่อง นอกจากนี้บริษัทก็จะมีการเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ทั้งการขึ้นทะเบียนยาใหม่ๆ การออกวิตามินบำรุงใหม่ และการเดินหน้าในการเปิดตัวสินค้าเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพแนวใหม่ Dr.Drink ที่มีการปรับรูปแบบผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดมากขึ้น และยังมีในส่วนของอาหารเพื่อสุขภาพ ทำให้บริษัทเชื่อว่ายอดขายยังเติบโตได้”

@อินโดฯ-แอฟริกาโอกาสสูง

นายวิเวก ระบุ ประเทศอินโดนีเซีย – ทวีปแอฟริกามีประชากรเป็นจำนวนมากและอยู่ระหว่างการพัฒนา ประชาชนเริ่มหันมาให้ความสนใจรักษาสุขภาพจึงมีโอกาสขยายขยายตัวสูง จากนี้ไปบริษัทมีเป้าหมายขึ้นเป็นผู้นำในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และจะขยายไปในทวีปแอฟริกา โดยการเติบโตจะอยู่ในรูปแบบการเป็นหุ้นส่วนกับพาร์ตเนอร์เพื่อวางกลยุทธ์ร่วมกัน ตลอดจนการเข้าซื้อกิจการในพื้นที่ที่มีศักยภาพ มีโอกาสการเติบโต ควบคู่กับการทำการตลาดร่วมกับคู่ค้าและตัวแทนจำหน่ายในแต่ละประเทศอย่างต่อเนื่อง

พร้อมกันนี้กล่าวถึงความคืบหน้าในการลงทุนในบริษัท PT Futamed Pharmaceuticals ประเทศอินโดนีเซียปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการรวมบริษัทย่อยเข้าด้วยกัน และเปลี่ยนชื่อใหม่ สร้างสำนักงานใหม่ รวมถึงขยายโรงงานและลงทุนซื้อเครื่องจักรเพิ่มเติม พร้อมทั้งขึ้นทะเบียนยา คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ในปี 2564 และน่าจะใช้เวลาใน 3-4 ปีจึงจะเห็นผลกำไร เบื้องต้นบริษัทคาดการณ์ว่าน่าจะมีรายได้และกำไรจากตลาดอินโดนีเซียราว 20-30 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯในอีก 5 ปีข้างหน้า

“การดำเนินงานในอินโดนีเซียยังเป็นไปตามแผนทุกด้าน คาดว่าจะสร้างกำไรได้ในระยะ 3-4 ปีข้างหน้า สำหรับการลงทุนบริษัทมองโอกาสเติบโตในระยะยาว แม้ว่าในระยะนี้ยอดขายจะทำได้เพียง 1 Digitแต่ในอนาคตต้องขยายตัวเป็น 2 เท่าเพราะบันบริษัทมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและครอบคลุมทั้ง ผลิตภัณฑ์บำรุงสุขภาพ, ยาตามใบสั่งแพทย์, และยาที่จำหน่ายหน้าเคาน์เตอร์ทั่วไป”

แนะ “ซื้อ” เป้า 44 บาท

บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2563 ของ MEGA ที่ 1,260 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.6% เมื่อเทียบกับปี 2562 (YoY) และเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 10%ที่ 1,386 ล้านบาทในปี 2565 บนสมมติฐาน 1. รายได้ branded business (MWC) ขยายตัว +9% YoY จากรายได้ใน Southeast Asia และ Africa เติบโตต่อเนื่อง และรับรู้รายได้จาก Futamed เพิ่มขึ้นเป็น USD2.9mn (+15% YoY), 2.รายได้ distribution business (MC) ขยายตัวต่อเนื่อง +14% YoY จาก principal ที่เพิ่มขึ้น และ 3. gross profit margin ปรับตัวลงเล็กน้อย จากสัดส่วนรายได้ของ MC ที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์ COVID-19 ยังยืดเยื้อ จะเป็น upside ต่อประมาณการจึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสมปี 2564 ที่ 44 บาท