> SET > BAFS

28 สิงหาคม 2020 เวลา 10:54 น.

BAFSยอดขายน้ำมันลด60% ลุ้นโค้ง4จบดีลโซลาร์ฟาร์ม

ทันหุ้น - BAFS รับปริมาณการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงท่าอากาศยานในปี 2563 หดตัวลง 60% แนะจับตามาตรการรัฐเปิดประเทศท่องเที่ยวหนุนปริมาณการเติมน้ำมัน ด้านท่อส่งน้ำมันคาดปลายไตรมาส 3/2563 เปิดให้บริการเต็มรูปแบบ เตรียมสรุปซื้อโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์ม 30 mw พ.ย.นี้ ย้ำกระแสเงินสดแกร่ง


นายประกอบเกียรติ นินนาท กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS เปิดเผยว่า จากผลกระทบของวิกฤตโรคไวรัสโควิด-19 ที่ระบาดในช่วงต้นปี 2563 ที่ผ่านมา ทำให้บริษัทคาดว่าปริมาณการเติมน้ำมันอากาศยาน (Jet Fuel) ปีนี้ปรับตัวลดลง 60% จากปีก่อน หรือประมาณ 2,457 ล้านลิตร ซึ่งต่ำกว่าประมารการก่อนหน้าที่คาดลดลง 58% หรือแตะ 2,585 ล้านลิตร ขณะที่ปริมาณการเติมทางบก (FPT) ปีนี้คาดว่าจะปรับตัวลดลง 29% จากปีก่อน ทั้งนี้ หากนับรวมปริมาณน้ำมันทุกผลิตภัณฑ์ของบริษัท จะเหลือประมาณ 3,253 ล้านลิตร สะท้อนต่อผลประกอบการที่จะปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนตามการแพร่ระบาดของโควิด-19


บริษัทมองว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวภายในประเทศ ส่งผลให้เส้นทางการบินภายในประเทศหลายจังหวัดกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง อย่างไรก็ดีคาดว่าปริมารการเติมน้ำมันเชื่อเพลิงอากาศยานในช่วงครึ่งหลังปีนี้อาจกลับมาได้เพียง 40% จาก 100% และในปี 2564 อาจกลับมาได้เพิ่มขึ้นเป็น 50% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า


นอกจากนี้ยังส่งผลให้แนวโน้มปริมาณการเติมน้ำมันภาคพื้นดินในช่วงครึ่งหลังปี 2563 จะมีการขยายตัวดี ต่อเนื่อง ซึ่งจากการลงทุนโครงการขยายระบบท่อขนส่งน้ำมันไปภาคเหนือของ FPT ที่ BAFS ถือหุ้นในสัดส่วน 75% ปัจจุบันเส้นทางเชื่อระหว่างบางประอิน-จังหวัดตาก เสร็จแล้วและเริ่มส่งน้ำมันได้ตั้งแต่ปลายไตรมาส 2/2563 ประมาณ 96% ขณะที่เส้นทางเชื่อมต่อระยะที่ 2 จากจังหวัดตาก-ลำปาง การก่อสร้างเหลืออีกเพียง 4-5% จะแล้วเสร็จ อย่างไรก็ดี ทางบริษัทคาดว่าจะมีการรู้รายได้เพิ่มเติมจากโครงการท่อส่งน้ำมันที่ลำปางในช่วงครึ่งหลังปีนี้เพิ่มเติม


Q4จบดีลโซลาร์ฟาร์ม

ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างศึกษาลงทุนในธุรกิจอื่นที่นอกเหนือจากการให้บริการน้ำมันเชื้อเพลิง และต้องเป็นธุรกิจที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อสามารถสร้างรายได้ให้แก่บริษัทได้ทันที ซึ่งที่ผ่านมาเข้าศึกษาธุรกิจพลังงานทดแทนในประเทศ เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบันยังไม่เอื้อต่อการไปลงทุนในต่างประเทศ โดยมีแผนซื้อโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ขนาดกำลังการผลิตประมาณ 30 เมกะวัตต์ (MW) คาดว่าทำสัญญาซื้อขายแล้วเสร็จภายในเดือนพฤศจิกายน 2563 มองว่าการลงทุนดังกล่าวจะสร้างรายได้เพิ่มเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 340 ล้านบาทต่อปี


ขณะที่ความคืบหน้าของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีดิจิตอลที่ดำเนินการผ่านบริษัทลูก bafs Innovation development (BID) โดยไปร่วมทุนกับบริษัทในต่างประเทศนั้น ช่วงที่ผ่านมาได้มีการจัดตั้งบริษัททำธุรกิจ AI และ BlockChain โดย BAFS ถือหุ้นอยู่จำนวน 45% ล่าสุดเริ่มมีลูกค้าเข้ามาแล้ว และปัจจุบันอยู่ระหว่างการส่งมอบงานให้แก่หน่วยงานภาครัฐ ในส่วนของ BAFS Intech ล่าสุดบริษัทได้รับงานประกอบรถที่ใช้สำหรับการเติมเชื้อเพลิงในท่าอากาศยานให้กับทางประเทศเมียนมาเข้ามาเพิ่ม หลังจากที่ก่อนหน้านี้บริษัทได้ส่งมอบรถเติมเชื้อเพลิงให้กับท่าอากาศยานสปป.ลาว ไปแล้ว


สถานการณ์โควิด-19 ทำให้มองเรื่องการกระจายรายได้เพื่อลดผลกระทบจากปัจจัยเสี่ยงต่างๆ โดยบริษัทอยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ ด้วยการเพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจเสริมเป็น 50%และธุรกิจหลัก 50%ภายใน 5 ปีจากปัจจุบัน จากรายได้ธุรกิจหลักอยู่ที่ 79%


กระแสเงินสดยังแกร่ง

สำหรับเงินสดปัจจุบันบริษัทมีประมาณ 2,300 ล้านบาท และมีวงเงินกู้ระยะสั้นและยาวจากสถาบันการเงินอีกประมาณ 2,000 ล้านบาท ส่งผลให้ในช่วงที่เหลือของปี 2563 ตลอดไปจนถึงปี 2565 บริษัทยังมีกระแสเงินสดรองรับการดำเนินงานรวมกว่า 4,000 ล้านบาท

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X