ทันหุ้น-สู้โควิด- MTC ยืนยันอนาคตสดใส หลังไตรมาส 3 สินเชื่อโตดี เข้าฤดูกาลเกษตรต้องการใช้เงิน ชี้ปัจจัยลบกดดันลงทุนผ่านพ้นแล้ว เคลียร์ไร้ผลกระทบเพดานดอกเบี้ย-ออมสินแข่งขัน ชี้สาขาสูง 4.7 พันสาขาจุดแข็ง เดินหน้าขยายสาขาอีก 600 สาขาปีหน้า มั่นใจครึ่งหลังโต 20-25% ปีหน้าไม่ต่ำกว่า 20% ต้นทุนการเงินลดดันมาร์จิ้นเพิ่ม

นายชูชาติ เพ็ชรอำไพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC เปิดเผยผ่านรายการทันหุ้นทันเกมว่า ช่วงไตรมาส 3 รวมถึงครึ่งปีหลัง บริษัทมีแนวโน้มการเติบโตอย่างมาก จากการที่เกษตรกรต้องการสินเชื่อเพื่อทำการเกษตร ประกอบกับหมดมาตรการให้เงินอุดหนุนเดือนละ 5,000 บาท 3 เดือน ทำให้เกษตรกรที่เคยนำเงิน 5,000 บาท มาคืนหนี้ กลับมากู้ยืมใหม่อีกครั้ง ซึ่งเป็นวงจรตามปกติ ประกอบกับมีผู้ปกครองบางส่วนต้องการใช้เงินในช่วงของการเปิดเรียนด้วย ทำให้มั่นใจได้ว่าปีนี้จะสามารถเติบโตได้ 20-25% ได้แน่นอน จากครึ่งปีแรกที่การเติบโตอยู่ที่ 20% ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจาการมาตรการล็อกดาวน์ที่ทำให้การติดต่อปล่อยสินเชื่อทำได้ยาก

นายชูชาติ เชื่อว่าปัจจัยลบที่เคยกดดันบรรยากาศของลงทุน ทั้งในด้านของเพดานดอกเบี้ยสินเชื่อจำนำทะเบียนรถของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จาก 28% เหลือ 24% ตลอดจนการเข้ามาแข่งขันของออมสินนั้นได้ผ่านพ้นไปแล้ว และจากสถานการณ์ในขณะนี้ยังไม่ได้รับผลกระทบใดๆ

เนื่องจากปัจจุบันบริษัทปล่อยสินเชื่อที่อัตราดอกเบี้ย 20-21% เท่านั้น ซึ่งต่ำกว่าเพดานดอกเบี้ยของ ธปท. เช่นเดียวกับค่าติดตามทวงหนี้ ทั้งส่วนของการโทรถาม และ การออกติดตาม บริษัทคิดเพียงแค่ 90 บาท ต่ำกว่าเกณฑ์ของ ธปท. ที่กำหนดให้การโทรถามจะคิดค่าติดตามทวงถามได้ไม่เกิน 100 บาท และ การออกติดตามจะคิดค่าทวงถามได้ไม่เกิน 500 บาท

"เรื่องค่าติดตามเมื่อก่อนไม่เคยมีข้อกำหนดนี้ แต่จากการกำหนดค่าทวงถาม จะเห็นได้ว่าเป็นบวกกับเรา เพราะตอนขี่มอเตอรไซค์ไปตามเราคิดต่ำกว่า 500 บาท ตั้งเยอะ แต่บริษัทก็จะไม่ใช่ข้อกำหนดนี้ในการปรับขึ้นค่าทวงถาม เนื่องจากต้องการช่วยลูกหนี้”

ส่วนกรณีที่ธนาคารออมสินจะเข้ามาปล่อยสินเชื่อจำนำทะเบียนรถเพื่อกดดอกเบี้ยลงนั้น จากที่นักวิเคราะห์ประเมินก็สบายใจได้ว่า ยังมีประเด็นที่ต้องติดตามพอสมควรทั้งในด้านของสาขาของธนาคารออมสินที่มีอยู่ประมาณ 1,000 สาขา เมื่อเทียบกับบริษัทที่มีราว 4,700 สาขา ซึ่งการทำดอกเบี้ยต่ำลง ต้องพิจารณาทั้งในแง่ ค่าใช้จ่ายด้านสาขา และความเสี่ยงของสินเชื่อด้วย สามารถบริหารจัดการก็จะทำให้อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงระดับ 16-18% อาจจะไม่คุ้มค่า

นายชูชาติ ยืนยันว่า ทิศทางการเติบโตของบริษัทยังต่อเนื่องจากการขยายสาขา โดยปีหน้าตั้งเป้าขยายสาขาราว 600 สาขา ซึ่งจะทำให้บริษัทมีสาขาเกิน 5,200 สาขา ขณะเดียวกันปัจจุบันบริษัทก็ได้รับเงินซอฟโลนท์ของออมสินอัตราดอกเบี้ย 2% วงเงิน 5,000 ล้านบาท มาปล่อยกู้ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของ ธปท. ที่บริษัทช่วยดูแลพักชำระหนี้ในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งทำให้บริษัทมีต้นทุนการเงินที่ต่ำลง ประกอบกับที่ผ่านมาได้มีการออกหุ้นกู้ทำให้บริษัทมีต้นทุนการเงินที่ต่ำลงเหลือ 3.78%จึงมั่นใจว่าน่าจะอยู่ประมาณ 3.6-3.5% ได้ ซึ่งจะส่งผลให้มีมาร์จิ้นที่ดีกว่า 18% ในครึ่งปีแรก เช่นเดียวกับสำหรับการปล่อยรถหลักประกันนั้นขายได้ดีมาก ทำให้บริษัทมีเงินสดกลับเข้ามาเร็ว