ทันหุ้น –สู้โควิด –SUPER ปักธงปี 2564 รายได้แตะ 1 หมื่นล้านบาท มีโรงไฟฟ้า COD เพิ่ม 4 โครงการ 421 เมกะวัตต์ พร้อมเดินหน้าปั้นโครงการใหม่ต่อเนื่อง หวังดันกำลังผลิตเฉียด 2,000 เมกะวัตต์ ในปีหน้า แถมมองหาโอกาสลุยพลังงานลม-โรงไฟฟ้าขยะ บิ๊ก “จอมทรัพย์ โลจายะ” ย้ำไม่มีแผนเพิ่มทุน

นายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานคณะกรรมการ บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SUPER เปิดเผยว่า ในปี 2564 บริษัทตั้งเป้ารายได้ไว้ราว 1 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2563 ที่คาดไว้ราว 6.8-7 พันล้านบาท เนื่องจากธุรกิจจะมีการรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าพลังงานลมแห่งใหม่เพิ่มเติม 4 โครงการ กำลังผลิตรวม 421 เมกะวัตต์ ซึ่งจะส่งผลให้รายได้จากธุรกิจขายไฟฟ้าขยายตัวต่อเนื่อง

ลุยอัพฐานใน-นอกเพิ่ม

ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทมีกำลังผลิตไฟฟ้าที่เปิดผลิตเชิงพาณิชย์ (COD) แล้วราว 988 เมกะวัตต์ แบ่งเป็น โครงการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ (โซลาร์) ทั้งในและต่างประเทศ 968 เมกะวัตต์, โรงไฟฟ้าขยะ 20 เมกะวัตต์ รวมทั้งยังมีโครงการโรงไฟฟ้าที่เตรียม COD ในช่วงที่เหลือปีนี้อีกราว 550 เมกะวัตต์ ซึ่งจะทำให้สิ้นปี 2563 มีกำลังผลิตไฟฟ้าที่ COD แล้วมากกว่า 1,500 เมกวะต์

"ไม่เพียงเท่านั้นอยู่ระหว่างการศึกษาเรื่องการเข้าร่วมโครงการควิกวิน ในส่วนของโรงไฟฟ้าขยะ ประมาณ 2-3 โครงการเพิ่มเติม หวังเสริมกำลังผลิตไฟฟ้าในอนาคต ซึ่งยังไม่นับรวมกับการมองหาโอกาสในการขยายฐานธุรกิจไปในประเทศฟิลิปินส์, ญี่ปุ่น และเวียดนามเพิ่มเติม หวังสนับสนุนการเติบโตในอนาคตของบริษัทอีกทางหนึ่ง" นายจอมทรัพย์ กล่าว

*ไม่มีแผนเพิ่มทุน

นายจอมทรัพย์ กล่าวเสริมว่า บริษัทยืนยันว่ายังไม่มีแนวคิดเพิ่มทุน เนื่องจากปัจจุบันสภาพคล่องของและฐานทางการเงินยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี โดย ณ สิ้นไตรมาส 2/2563 มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ที่ราว 2 เท่า ซึ่งถือว่ายังเป็นไปตามนโยบายที่บริษัทเคยวางไว้ว่าจะรักษาตัวเลข D/E ไว้ในระดับดังกล่าว

บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุถึง SUPER ว่า คำแนะนำ "ซื้อ" หุ้น SUPER ให้ราคาเป้าหมาย 1.47 บาท แม้คาดผลประกอบการในไตรมาส 3/2563 จะมีกำไรปกติอยู่ที่ราว 250 ล้านบาท เนื่องจากเป็นช่วง Low season ของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ แต่มองกำไรปกติในไตรมาส 4/2563 มีโอกาสเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปีจากการที่กำลังการผลิตโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่เวียดนาม อีก 3 โครงการ รวมขนาด 550 เมกะวัตต์ (490MWe) ที่จะทยอย SCOD ก่อนกำหนดภายในเดือนตุลาคม 2563

*จับตาผลงานโตเด่น

ทั้งนี้ กำไรปกติงวด 6 เดือนแรกปีนี้เท่ากับ 811ล้านบาท คิดเป็น 50.4% ของประมาณการกำไรปกติทั้งปี ทำให้ฝ่ายวิเคราะห์จึงยังคงประมาณการกำไรปกติทั้งปี 2563 ที่ 1.61 พันล้านบาท เติบโตสูงถึง 44.5% ได้แรงหนุนจากการเริ่มรับรู้รายได้โรงไฟฟ้าพลังงานขยะ SEE6 ขนาด 8 MW ซึ่ง COD ไปเมื่อปลายเดือนเมษายน63), รับรู้รายได้โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ประเทศเวียดนาม รวม 4 โครงการ รวมขนาดทั้งสิ้น 187 เมกะวัตต์ เต็มปี

ขณะเดียวกันยังมีโครงการ Phan Lam (37MW), โครงการBinh An (50MW), Van Giao 1 (50MW) และ Van Giao 2 (50) ซึ่งทั้ง 3 โครงการที่เหลือ COD ไปเมื่อปลายเดือนมิถุนายน 2562 รวมทั้งยังมีรับรู้รายได้โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ประเทศเวียดนาม โครงการ Thinh Long ขนาด 50 เมกะวัตต์ ซึ่งเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 1/2563 ภายหลังการดำเนินการโอนหุ้นเป็นที่เรียบร้อย และรับรู้รายได้โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ประเทศเวียดนาม โครงการ Sinenergy Ninh Thuan ขนาด 50 เมกะวัตต์ คาดจะเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาส 3/2563 เป็นต้นไป