> SET > TTW

14 กันยายน 2020 เวลา 19:08 น.

TTWคาดปี63รายได้ทรงตัว คุมต้นทุนลดผลกระทบโควิด

ทันหุ้น – สู้โควิด – TTW รับความต้องการใช้น้ำอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบจากโควิด-19 แต่ในภาคครัวเรือนขยายตัว ย้ำมีน้ำเพียงพอและพร้อมผลิตเพิ่มหากความต้องการเพิ่มขึ้นในอนาคต ส่วนรายได้ปี 2563 คาดทรงตัวที่ 6.16 พันล้านบาท ในปีที่ผ่านมา พร้อมคาดการณ์ไตรมาส 3/2563 รายได้รวมมีแนวโน้มดีกว่าไตรมาส 2/2563 จากเงินลงทุนใน CKP


นายสมเกียรติ ปัทมมงคลชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายงานบริหาร บริษัท ทีทีดับบลิว จำกัด (มหาชน) หรือ TTW  ระบุ ไม่กังวลปัญญาภัยแล้งเนื่องจากแหล่งน้ำของบริษัทมาจากแม่น้ำ 2 สายคือแม่น้ำท่าจีน และแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งรัฐบาลบริหารจัดการน้ำจาก 4 เขื่อนหลักประกอบด้วย 1.เขื่อนภูมิพล, 2.เขื่อนสิริกิต, 3.เขื่อนขุนด่านปราการชล, และ 4.เขื่อนเจ้าพระยา ประกอบกับเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม 2563 ที่ผ่านมาฝนตกชุกจึงมีน้ำเข้ามาเติมบริเวณเหนือเขื่อนอย่างต่อเนื่อง


ปัจจุบัน มีโรงงานผลิตน้ำ 4 แห่ง กำลังการผลิตรวม 1,076,600 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน โดยพื้นที่สมุทรสาคร-นครปฐม มี 2 โรงงาน แห่งแรกมีกำลังการผลิต 440,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน แห่งที่ 2 มีกำลังการผลิต 400,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน ซึ่งปัจจุบันมีการใช้กำลังการผลิตเพียง 100,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน ยังเหลือกำลังการผลิต 300,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน


ทั้งนี้หากมีความต้องการใช้น้ำจากภาคครัวเรือนเพิ่ม บริษัทสามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้ครั้งละ 100,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน ส่วนพื้นที่ปทุมธานี -รังสิต มีกำลังการผลิต 488,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน และนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน 48,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน


“ไม่อยากให้นักลงทุนกังวลกับสถานการณ์ภัยแล้ง เพราะน้ำที่เราสูบมาจากแม่น้ำสายหลักซึ่งภาครัฐมีการผันน้ำเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับปีนี้มีปรากฏการณ์ลานีญา ทำให้ฝนตกชุกมีน้ำเข้ามาเติมในเขื่อนอย่างต่อเนื่อง”


รายได้ใกล้เคียงปีก่อน

พร้อมกันนี้คาดการณ์รายได้รวมทั้งปี 2563 มีแนวโน้มใกล้เคียงกับปี 2562ที่ทำได้ 6.16 พันล้านบาท แม้ว่าภาคอุตสาหกรรมจะได้รับผลกระทบเนื่องจากการระบาดของโควิด-19 จนทำให้มีการชะลอการผลิต หรือหยุดผลิตไปบ้าง ซึ่งมีผลโดยตรงต่อความต้องการใช้น้ำในภาคอุตสาหกรรม แต่ทั้งนี้บริษัทยังได้รับผลดีจากการขยายตัวของชุมชน รวมถึงมาตรการล็อกดาวน์ที่ผ่านมาหนุนให้ปริมาณการใช้น้ำต่อบิลเพิ่มขึ้น


ทั้งนี้ ในไตรมาส 2/2563 บริษัทมีรายได้ทั้งสิ้น 1,549.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) และกำไรสุทธิ 694.3 ล้านบาท ลดลง 4.9% YoY  โดยบริษัทมียอดขายน้ำจากพื้นที่ปทุมธานี-รังสิตที่สูงขึ้น การปรับลดค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการลง 10%


คุมต้นทุนได้ต่ำ

อย่างไรก็ตามบริษัทสามารถบริหารจัดการต้นทุนทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้มีต้นทุนอัตราดอกเบี้ยจ่ายเฉลี่ยอยู่ที่ 3% ลดลงจากปี 2563 ที่ผ่านมา โดยบริษัทได้รีไฟแนนซ์เงินกู้ 1,670 ล้านบาท รวมถึงชำระเงินตามงวดที่กำหนดอีกกว่า 100 ล้านบาท พร้อมกันนี้ยืนยันว่าธุรกิจน้ำประปายังเติบโตได้ดี


แต่ในงวดไตรมาส 2/2563 บริษัทมีการรับรู้ผลขาดทุนจากธุรกิจพลังงานที่ลงทุนผ่านบริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKP ซึ่งถือหุ้นในสัดส่วน 24.98% ทำให้กำไรสุทธิลดลงไป ส่วนไตรมาส 3/2563 จะเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ ทำให้คาดการณ์ว่าบริษัทจะสามารถรับรู้กำไรจากเงินลงทุนได้ในระดับหนึ่ง

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X