ทันหุ้น-สู้โควิด- โบรกส่อง EA คาดงบไตรมาส3/2563  จะล้างความผิดหวังในไตรมาส 2 ได้เบ็ดเสร็จ จากโครงการหาดกังหัน 126MW จะกลับมาผลิตกระแสไฟฟ้าฟื้นตัวชัด ขณะที่ราคาขายไบโอดีเซล B100 ก็ขยับเพิ่มขึ้นจากอุปสงค์คลายล็อกดาวน์ทั่วประเทศ

บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด  ระบุว่าช่วงที่ผ่านมาความเคลื่อนไหวราคาหุ้นบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน)หรือEA อ่อนลง 12%  นับจากการปรับลดคำแนะนำของฝ่ายวิจัยเมื่อ 10ส.ค.2563 จนล่าสุดเปิด upside แล้ว 13% ขณะที่ทิศทางไตรมาส 3/2563กำลังกลับเข้าสู่เส้นทางที่ดี คาดกำไรสุทธิ 1.4 พันล้านบาทจะฟื้นราว 20.9% จากไตรมาสก่อนหน้า และเชื่อว่าไตรมาส 2/2563 จะเป็นจุดที่ต่ำสุดของปี

ส่วนพัฒนาการของโครงการใหม่ๆเริ่มทยอยจับต้องได้แล้ว จึงมองเห็นโอกาสนี้เป็นจังหวะที่ดีในการสะสม "ซื้อ" ราคาเหมาะสมปี 2564 ที่ 47.50 บาทต่อหุ้น อิง P/E เฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี 25.5 เท่า ซึ่งได้ให้ส่วนลด 15%จากความเสี่ยงของการล่าช้าไว้แล้ว

งบQ3กลับมาผงาด

ทั้งนี้จากกำไรสุทธิไตรมาส 2/2563ที่น่าผิดหวัง 1.1 พัน ล้านบาท  หดตัว -20.8% จากไตรมาสก่อนหน้า และ-20.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนนั้น จะเป็นจุดต่ำสุดของปี เพราะ 1. ผู้บริหารเผยว่า ปริมาณกระแสลมภาคใต้เดือน ก.ค.-ส.ค. ได้ฟื้นกลับมาแล้วจากพายุมรสุม ทำให้เราคาดว่า โครงการหาดกังหัน 126MW น่าจะกลับมาผลิตกระแสไฟฟ้าฟื้นตัว +26.7% จากไตรมาสก่อนหน้า เป็นราว 185 ล้านหน่วย

2. ราคาขายไบโอดีเซล B100 คาดจะฟื้น +10.5% จากไตรมาสก่อนหน้าเช่นกัน จาก 28.96 เป็นราว 32.00 บาทต่อลิตร เข้าใกล้จุดที่ดีของปีที่ 36.15 บาทต่อลิตร จากอุปสงค์ฟื้นต่อเนื่องหลังคลายล๊อกดาวน์ทั่วประเทศ 3. คาดไม่มีรายการพิเศษกดดันค่าใช้จ่ายขายและบริหารกว่า 52ล้านบาท เหมือนไตรมาส 2/2563  ในเบื้องต้นคาด ว่า EA จะมีกำไรปกติราว 1.4 พันล้านบาท ฟื้นตัวแรง +20.9% จากไตรมาสก่อนหน้า แต่จะยังหดตัว -21.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะฐานกำไรสูงที่ได้อานิสงค์จากกระแสลมที่แรงผิดปกติ ก.ย. ปีก่อน และฐานค่าใช้จ่ายบริหารที่สูงขึ้นจากการมีโครงการใหม่ๆเดินหน้าหลายโครงการในปีนี้

โครงการใหม่เดินหน้า

สำหรับโรงงานแบตฯ คาดว่าคงกำหนดตามเดิมปลายปีนี้, ส่วนแผนส่งมอบรถยนต์ปีนี้ราว 180 คัน ยังคงไว้, อีกทั้งเรือไฟฟ้ากำหนดเสร็จปีนี้ 10ลำ และสร้างรายได้ต้นปีหน้า, ทางด้านผลิตภัณฑ์ PCM มีรายได้แล้ว เป้า 300 ล้านบาทในปีนี้

ขณะเดียวที่กลุ่มธุรกิจใหม่เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง โดย EA ได้เข้าซื้อหุ้น PP สัดส่วน 40% ใน NEX (ทำธุรกิจปล่อยเช่า และ ซ่อมบำรุงรถบัส) และถือหุ้นร่วมกันในบริษัท AAB (EA 55%, NEX 45%) ทำธุรกิจประกอบรถยนต์ไฟฟ้า โดยเราอยู่ระหว่างศึกษาโมเดลธุรกิจนี้

อย่างไรก็ดียังต้องติดตามประเด็นความเสี่ยง คือ ธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน มีสัดส่วนรายได้กว่า 63%จะเริ่มทยอยหมดการสนับสนุนจากภาครัฐ (ระบบ Adder) ตั้งแต่ปี 2565  ซึ่งหากธุรกิจอื่นๆขึ้นมาไม่ทัน จะทำให้กำไรเริ่มเปลี่ยนเป็นขาลงในปี2567