ทันหุ้น-สู้โควิด :กบง. เห็นชอบการขยายกำหนดวัน SCOD โครงการ SPP Hybrid Firm ออกไป 1 ปี เป็นปี 2565 ช่วยเหลือเอกชนหลัง EIA ล่าช้า ทำ ACE โล่งยืนยันชัดเดินหน้า SPP ได้ครบ 4 โรง 93 เมกะวัตต์แน่ ชี้ EIA ผ่านแล้ว 1 โรง 20 เมกกะวัตต์ ส่วนอีก 3 โรงอยู่ในกระบวนการ ด้านโบรกชี้ ฝีมือดี-ราคาถูกเคาะเป้า 5 บาท

นายสุพัฒน์พงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) โดยเห็นชอบตามข้อเสนอเชิงนโยบายตามข้อเสนอของ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เพื่อเยียวยาผู้ได้รับการคัดเลือกโครงการ SPP Hybrid Firm ในการขยายกำหนดเส้นตายจ่ายไฟฟ้า (SCOD) โครงการ SPP Hybrid Firm ออกไป 1 ปี จากเดิมปี 2564 เป็นปี 2565

เนื่อกจากพบปัญหาและอุปสรรคในการพัฒนาโครงการฯ ที่ไม่สามารถจัดทำรายงานด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) ได้ตามระยะเวลา โดยมอบให้ กกพ. ไปดำเนินการแจ้งผู้ได้รับการคัดเลือก ให้จัดทำรายงานแผนการดำเนินการโครงการฯ และจัดส่งให้ กกพ. ภายในวันที่ 30 ตุลาคม 2563 เพื่อพิจารณา และนำผลการพิจารณา มารายงานต่อ กบง. ต่อไป

ด้านนายธีรวุฒิ ทรงเมตตา กรรมการ บริษัท แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ACE เปิดเผยว่า การเปิดให้เลื่อนระยะเวลาการจ่ายไฟออกไปอีก 1 ปี สำหรับโครงการ SPP Hybrid   นั้น นับว่าส่งผลดีกับบริษัท โดยบริษัทมีโครงการ SPP Hybrid  จำนวนทั้งสิ้น 4 โครงการ กำลังผลิตติดตั้ง 93 เมกะวัตต์

@ผ่าน EIA แล้ว

โดยขณะนี้มี SPP Hybrid  1 โครงการได้ผ่านการ EIA เรียบร้อยแล้ว คือ โครงการโรงไฟฟ้า SPP คลองขลุง อำเภอคลองขลุง จังหวัดกำแพงเพชร กำลังการผลิตติดตั้ง 20 เมกกะวัตต์ ส่วนอีก 3 โครงกการกำลังเร่งดำเนินการด้าน EIA อยู่ ซึ่งระหว่างนี้บริษัทก็ได้ดำเนินการติดต่อซัพพลายเออร์ เพื่อที่จะทำให้การสร้างโรงไฟฟ้าดำเนินการได้อย่างรวดเร็วหลังผ่าน EIA

ปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตติดตั้งรวมทั้งหมด 239.91 เมกกะวัตต์ ประกอบกับความคืบหน้าโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา อาทิ โครงการโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงขยะ (VSPP) จ.กระบี่ ที่กำลังจะแล้วเสร็จใน Q1/64หนุนกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นตามเป้าเป็น 421.37เมกกะวัตต์ ภายในปี 2564

@เป้า 5 บาท

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ ระบุว่า ยังคงมุมมองเชิงบวกต่อเส้นทางการเติบโตของ ACE แม้ว่ากรอบเวลาโครงการจะเผชิญกับความท้าทายจากการที่โรงไฟฟ้า SPP Hybrid จะล่าช้า 3-6 เดือน แต่ก็ได้รับชดเชยบางส่วนโดยกําไรจากโรงไฟฟ้าชีวมวลที่ซื้อมาใหม่ 3 แห่ง  แนะนำซื้อ ACE โดยมีเป้าหมาย 5 บาท/หุ้น 

มีอัพไซด์จากการที่ ACE สามารถลดต้นทุนวัตถุดิบของโรงไฟฟ้าชีวมวลลงผ่านการปรับปรุงประสิทธิภาพโรงไฟฟ้าและปรับส่วนผสมเชื้อเพลิงต้นทุนวัตถุดิบ/MWh ที่ใช้ในการผลิตลดลง 22.5% ตั้งแต่ปี 2560 สู่ระดับเพียง 1.24 บาทและโรงไฟฟ้าบางแห่งอยู่ต่ำกว่า 1 บาทขึ้นอยู่กับปริมาณวัตถุดิบในแต่ละพื้นที่บริษัทวางแผนลดต้นทุนวัตถุดิบลงอีกสู่ 1.22-1.23 บาท/KWh ในครึ่งปีหลัง2563 ซึ่งจะหนุนให้อัตรากําไรขั้นต้นของโรงไฟฟ้าชีวมวลเพิ่มขึ้น 0.20%-0.50% จาก 38% ในครึ่งปีแรก และ ACE จะได้รับประโยชน์ จากนโยบายส่งเสริมพลังงานหมุนเวียนและสนับสนุนเกษตรกรท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจตกตํ่าสืบเนื่องมาจากสถานการณ์โควิด-19 ผ่านทางโครงการโรงไฟฟ้าชุมชน

สำหรับราคาเป้าหมายที่ 5 บาทยังไม่ได้รวมโครงการในอนาคตทั้งโรงไฟฟ้าชุมชนและโรงไฟฟ้าขยะเข้ามาหุ้น ACE ซื้อขายที่ PE 11 เท่าสําหรับปี 2565 ซึ่งเป็นปีที่โครงการที่ยืนยันทั้งหมด