ได้เวลาเข้าสะสม CBG อีกครั้งอย่างจริงจังหลังจากมูลค่าหุ้นปรับตัวลงมาจากจุดสูงสุดด้วย PER ปี 2564 ที่ 31.1 เท่า เมื่อวันที่ 10 ส.ค. 2563 หลังรายงานกำไรไตรมาส2/63 ทำสถิติใหม่ มาอยู่ในระดับที่น่าลงทุนอย่างมีนัยที่ PER ปี 2564 เท่ากับ 26.7 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในระยะยาวตั้งแต่ IPO ปี 2557 อยู่ 0.6 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน โดยปัจจัยหนุนราคาหุ้นระยะสั้นคือคาดการณ์กำไรทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติกาลในไตรมาส3/63 (โดยจะรายงานกำไรในสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนพ.ย.) ดังนั้นเรายังคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมายด้วยวิธีคิดลดกระแสเงินสด DCF ณ สิ้นปี 2564 ที่ 135 บาท

ยังมีปัจจัยหนุนระยะยาวอีกหลายประการ ได้เห็นโอกาสในการเติบโตของกำไรอย่างต่อเนื่องในระยะยาว ประการแรกคือกำลังการผลิตใหม่ โดยกำลังการผลิตขวดขยายตัว 40% และกำลังการผลิตกระป๋องเพิ่มขึ้น 30% ในไตรมาส4/63ซึ่งจะหนุนการเติบโตของยอดขายผ่านผลิตภัณฑ์ที่เป็นเจ้าของเองและธุรกิจรับจ้างผลิต ประการที่สองหน่วยผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพใหม่ (CBG เป็นเจ้าของเอง 85%) จะขยายตัวเพิ่มขึ้นผ่านการขายในรูปแบบดั้งเดิมและการส่งออก (ยอดขายเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว YoY จาก 60 ล้านหน่วยโดยเริ่มในปี 2563) ประการที่สามโอกาสการส่งออกไปยังประเทศเวียดนาม และประการสุดท้ายอัตรากำไรที่ปรับตัวดีขึ้นได้อีกจากการประหยัดขนาดและกลยุทธ์การผลิตเชิงบูรณาการ (โรงงานบรรจุภัณฑ์มีกำหนดแล้วเสร็จในไตรมาส 4/63)