ILM หนุนนโยบายรัฐกระตุ้นกำลังซื้อ เชื่อจะเป็นบวกต่อธุรกิจของบริษัท พร้อมปรับกลยุทธ์เน้นสินค้าที่มียอดขายและมาร์จิ้นสูง ลดค่าใช้จ่ายการดำเนินงาน ตั้งเป้าลดสต็อกสินค้าปีนี้ไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท ชูยอดขายออนไลน์เด่นดันสัดส่วนรายได้เพิ่มขึ้น

นางกนกวรรณรัตน์ ศรีมณีศิริ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโสฝ่ายบัญชีและการเงิน บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ ILM เปิดเผยว่า ในกรณีการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.) วันที่ 7 ตุลาคม 2563 ที่ผ่านมา สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) จะเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ให้ที่ประชุมพิจารณา โดยเน้นกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศ โดยอาจปรับเปลี่ยนรูปแบบมาจากมาตรการที่เคยดำเนินการมาแล้ว อย่างมาตรการชิม ช้อป ใช้ และมาตรการช็อปช่วยชาติ เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ผู้เสียภาษีออกมาใช้จ่ายมากขึ้นนั้น

*หนุนมาตรการภาครัฐ

ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างรอความชัดเจน ของนโยบายดังกล่าวว่าจะเข้ามาช่วยสนับสนุนการเติบโตของบริษัทได้มากน้อยเเค่ไหน เเต่การที่มีมาตรการก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เนื่องจากจะสามารถกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยในประเทศได้ ขณะที่บริษัทได้ปรับกลยุทธ์ภายในอย่างต่อเนื่อง ตั้งเเต่เกิดเหตุเเพระระบาดของไวรัลโควิด-19 อาทิ ปรับ Product Mix เพิ่มสัดส่วนผลิตภัณฑ์ที่มียอดขายและอัตรากำไรที่สูงขึ้น โดยในช่วงครึ่งปีแรก สินค้าที่ใช้ทำงานในบ้านปรับตัวดีขึ้น รวมถึงมีการลดค่าใช้จ่ายในการบริหาร – ลดพนักงาน และปรังปรุงรูปแบบการขาย

นอกจากนี้บริษัทยังทำการลดสต็อกสินค้า (Inventories) ซึ่งในไตรมาสที่ 2/2563 บริษัทลดสต็อกได้กว่า 480 ล้านบาท คาดว่าทั้งปีจะลดสต็อกได้รวมประมาณ 500 ล้านบาท และในปีนี้ยังไม่มีการลงทุนซึ่งการขยายสาขาต่างๆได้ชะลอออกไปก่อน เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ยังมีความไม่เเน่นอน

*ยอดขายออนไลน์พุ่ง

ทั้งนี้คาดว่ารายได้ปี 2563 จะลดลงจากปีก่อนที่มีรายได้ 9,902.68 ล้านบาท เเละกำไรทั้งปีที่ทำได้ 596.09 ล้านบาทแต่บริษัทจะมุ่งเน้นการเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) มากขึ้น เเม้ปัจจุบันจะกลับมาเปิดครบทุกสาขา แต่การเติบโตยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ยังไม่กลับมาเติบโตในระดับปกติ มาจากภาพรวมเศรษฐกิจไทย ปีนี้คาดว่าตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (GDP) จะลดลงประมาณ 8% ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อกำลังซื้อในประเทศ

นอกจากนี้ยอดขายออนไลน์ ณ ปัจจุบันก็ถือว่าเป็นช่องทางการขายที่ติดตลาด เริ่มมีคนให้ความสนใจมากขึ้น โดยช่วงครึ่งปีหลัง 2563 คาดยังสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ขณะที่คาดสัดส่วนยอดขายออนไลน์ปีนี้จะเติบโตเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากปี 2562 ที่ 2.2% เพิ่มขึ้นมาในไตรมาสที่ 1/2563 อยู่ที่ 3.6% ,ไตรมาสที่ 2/2563 ที่ 11.2% เเละในช่วงไตรมาสที่ 3 -4 ก็คาดเติบโตขึ้นได้ ต่อเนื่องประมาณ 5%