ทันหุ้น-สู้โควิด- TISCO ประเดิมแจ้งงบไตรมาส 3 กำไรแตะ 1.6 พันล้านบาทสูงกว่าคาด NPL ลดวูบหลังบริษัทติดตามทวงถามหนี้ได้ ประกอบกับสินเชื่อรายใหญ่กลับมาจ่ายเงินได้ ดันคุณภาพสินเชื่อดีขึ้น โบรกชี้ปลอดภัยสูงในกลุ่มแบงก์ แถมได้ดีกรณีราคารถมือสองปรับตัวสูงขึ้น ให้เป้า 89 บาท 

เข้าสู่เทศกาลธนาคารพาณิชย์ประกาศงบไตรมาส 3 โดย บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (TISCO) ประเดิมแจ้งผลประกอบการออกมาค่อนข้างดีกว่าที่คาด

นายสุทัศน์ เรืองมานะมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มทิสโก้ แจ้งผลประกอบการ บริษัทมีกำไรไตรมาส 3 ที่ 1612 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.22% เมี่อเทียบกับไตรมาสก่อน (QoQ) แต่ลดลง 14.17% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) โดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิปรับเพิ่มขึ้น 4.6% (YoY) จากค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่ลดลงตามการบริหารต้นทุนที่ดีในภาวะดอกเบี้ยขาลง แต่สินเชื่อปรับตัวลดลง 4.4%  ส่วนรายได้ที่ไม่ดอกเบี้ยจากธุรกิจหลักอ่อนตัวลง 14.2% (YoY) จากการชะลอตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ลดลงจากปีก่อน

@NPLลดวูบกลับมาทวงหนีได้

ในไตรมาส 3บริษัมีสินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิต จำนวน 5,917.78 ล้านบาท ลดลง 20.9% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า คิดเป็นอัตราส่วนสินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตต่อสินเชื่อรวม (NPL Ratio) ที่ 2.63%ลดลงจาก 3.28% ณ สิ้นไตรมาส 2 /2563  สาเหตุหลักมาจากลูกหนี้กลุ่มสินเชื่อเช่าซื้อและสินเชื่อจำนำทะเบียน บริษัทสามารถติดตามทวงถามหนี้ได้มากขึ้น หลังจากผ่อนคลายมาตรการปิดเมือง ประกอบกับลูกหนี้สินเชื่อรายหนึ่งสามารถกลับมาชำระคืนหนี้ได้

ในส่วนของค่าใช้จ่ายผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) อยู่ที่จำนวน 604.95ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายหนี้สูญจำนวน 125.13ล้านบาท ในไตรมาส 3ของปีก่อน และคิดเป็นอัตรา 1.07%ของยอดสินเชื่อเฉลี่ย ตามความเสี่ยงด้านเครดิตที่เพิ่มขึ้นในภาวะเศรษฐกิจยังคงมีความไม่แน่นอนสูง

อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก 2563ค่าใช้จ่าย ECL ปรับตัวลดลง เนื่องจากได้ตั้งไปล่วงหน้าแล้ว ประกอบกับบริษัทมีปริมาณเงินสำรองส่วนเกินระดับสูง โดยธนาคารมีระดับค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Coverage Ratio) ที่ 196.1 ณ สินไตรมาส3 /2563

@ตีกลับเงินสำรองส่วนเกิน

บริษัทมีค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นรวมจำนวน 11,605ล้านบาท เป็นสำรองส่วนเกินคงเหลือจำนวน 1,320.50 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยปรับลดด้วยวิธีเส้นตรงทุกไตรมาสเท่าๆ กัน เป็นระยะเวลา 2ปีตามเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย

ทั้งนี้ TISCO มีเงินกองทุนภายในเพื่อรองรับความเสี่ยงทั้งสิ้น 39,236ล้านบาท ซึ่งเป็นระดับเงินกองทุนส่วนเกินที่มีสูงถึง 26,391.43ล้านบาท หรือคิดเป็น 67.3%ของเงินกองทุนรวม โดยบริษัทมีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงที่ 22.6% เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2/2563 ซึ่งอยู่ที่ 22% จากการลดลงของ NPL

@ กำไรดีกว่าคาด

นายธนภัทร ฉัตรเสถียร ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ทรีนีตี้ ระบุว่า สิ่งที่จำเป็นต้องจับตาอย่างมากในการประกาศผลประกอบการของธนาคารพาณิชย์นั้นคือ ตัวเลขหนี้เสีย (NPL) และ การตั้งสำรอง โดยในส่วนของ TISCO ประเมินกำไรสุทธิไตรมาส 3/2563 ออกมาดีกว่าคาดไว้ระดับที่ 1,362 ล้านบาทมาก

เบื้องต้นยังคงประมาณการกำไรปี 2563 ที่ 5,509 ล้านบาท โดยกำไรงวด 9 เดือนคิดเป็นราว 76% ของประมาณการทั้งปีแล้ว และแนวโน้มกำไรไตรมาส4/2563 อาจอ่อนตัวไม่มาก เนื่องจากเห็นผลกระทบจาก NIM ที่อ่อนตัวเต็มที่ในไตรมาส3/2563 แล้ว และค่าใช้จ่ายสำรองหนี้อาจไม่เพิ่มขึ้นมาก ให้ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 89 บาท อิง PBV 1.56 เท่า ราคาหุ้นปัจจุบันมี Upside ที่น่าสนใจ แต่ด้วยความกังวลด้านคุณภาพหนี้ทำให้ราคาหุ้นยังขาดปัจจัยหนุนที่จะฟื้นตัวในระยะสั้น อย่างไรก็ดี TISCO มีประเด็นบวกที่ดีนั้นคือ การที่ราคารถมือสองปรับตัวเพิ่มขึ้น ทำให้หลักประกันมีมูลค่าสูงขึ้น