ทันหุ้น-สู้โควิด : ธนาคารกรุงไทย จำกัด(มหาชน) หรือ KTB แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯว่า มีกำไร 3,057.14 ล้านบาท ลดลง 51.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไร 6,354.57 ล้านบาท ขณะที่อัตราผลตอบแทนสุทธิต่อสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้(NIM) เท่ากับ 2.82% ลดลงจาก 3.08% ในไตรมาส 3/62
ธนาคารได้พิจารณาถึงปัจจัยต่างๆ อย่างรอบคอบ ในการประมาณการถึงภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงและมีความไม่แน่นอน ที่อาจส่งผลต่อคุณภาพสินเชื่อจึงได้ตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น จำนวน 12,414 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากคาใช้จ่ายในการตั้งสำรองหนี้สูญ หนี้สงสัยจะสูญในไตรมาสเดียวกันของปีก่อนถึง 103.6% ส่งผลให้กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคาร ลดลงเป็น 3057 ล้านบาท
นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ธนาคารได้ตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น จำนวน 12,414 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 103.6% เมื่อเทียบกับการตั้งสำรองในไตรมาสเดียวกันของปี 2562
ทั้งนี้ อัตราส่วน Coverage Ratio เพิ่มระดับขึ้นเป็น 135.6% จาก 131.8% ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562 มี NPLs Ratio-Gross ที่ 4.21% ลดลงจาก 4.33% โดยธนาคารยังคงให้ความช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง โดยคำนึงถึงเกณฑ์ของธปท.ในการผ่อนปรนการจัดชั้นลูกหนี้ที่เข้าร่วมโครงการชั่วคราว
ณ 30 กันยายน 2563 ธนาคารมียอดสินเชื่อและดอกเบี้ยค้างรับสุทธิ 2,149,620 ล้านบาท โดยธนาคาร (งบการเงินเฉพาะ) มีอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่ 15.01% และอัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้นต่อสินทรัพย์ถ่วงน้ำหนักตามความเสี่ยงที่ 18.42% ซึ่งอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งเมื่อเทียบกับเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย
ทั้งนี้ ในเดือนตุลาคม 2563 ธนาคารและบริษัทย่อย ได้จัดตั้งบริษัท อินฟินิธัส บาย กรุงไทย จำกัด (Infinitas by Krungthai) เป็นบริษัทย่อยเพิ่มเติม เพื่อวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินดิจิทัลรูปแบบใหม่ ให้บริการด้านการพัฒนา Innovation & Digital Platform เพื่อเข้าสู่ Open Banking, Virtual Digital Banking Service รวมถึง New
Business Model อย่างเต็มรูปแบบ
บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุว่ากำไรไตรมาส 3/63 ของ KTB ต่ำกว่าคาด เนื่องจากค่าใช้จ่ายสูงก่าคาด เพราะตั้งสำรองล่วงหน้า และค่าใช้จ่ายดำเนินงานสูงกว่าคาด เพราะบันทึกค่าใช้จ่ายพนักงานเกษียณอายุ โดยคาดแนวโน้มกำไรไตรมาส 4/63 จะลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และเทียบกับไตรมาส 3/63 เพราะถูกกดดันจากทั้งค่าใช้จ่ายสำรองที่ยังเป็นขาขึ้น ประเมินว่าสำรองล่างหน้าที่ตั้งในไตรมาส 3/63 นั้นยังไม่เพียงพอรับมือลูกหนี้ที่จะตกชั้นหลังมาตรการช่วยเหลือหมดอายุลง ประกอบกับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานปรับตัวขึ้นตามฤดูกาล
ฝ่ายวิจัยมีแนวโน้มปรับประมาณการกำไรปี 2563 ลดลง 11% จากการปรับเพิ่มระดับค่าใช้จ่ายสำรอง ดังนั้นจึงคงคำแนะนำ Neutral โดยให้ราคาเป้าหมายปี 2564 ที่ 10.5 บาทต่อหุ้น
อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิ๊ก https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิ๊ก https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิ๊ก https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิ๊ก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิ๊ก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิ๊ก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิ๊ก https://twitter.com/thunhoon1
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม