> SET > SCGP

30 ตุลาคม 2020 เวลา 08:45 น.

SCGPน่าสะสม ชี้Q4กลับมาฟื้น จับตาปิดดีลเทค

ทันหุ้น-สู้โควิด : โบรกชี้ SCGP ต่ำจองคือโอกาสเก็บหุ้น รับผลประกอบการไตรมาส3 น่าผิดหวัง กระดาษพิมพ์และอัตราแลกเปลี่ยนกดดัน  แต่ไตรมาส 4ฟื้น ชี้บริษัทแกร่งพร้อมเดินหน้าเทคโอเวอร์ จ่อปิดดีล SOVI ชี้อนาคตแพ็จเก็จจิ้งโตแรงกว่าจีดีพีโลก อีคอมเมิร์ซช่วยหนุน เคาะเป้า 41-42 บาท


บริษัทหลักทรัพย์เอเชีย พลัส ประเมิน หุ้น บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP โดยระบุว่า ผลประกอบการไตรมาส 3/63 ออกมาน่าผิดหวัง จากหลายปัจจัยลบเข้ามากดดันทั้งความต้องการที่ชะลอตัว และต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น แต่มองว่าแนวโน้มไตรมาส 4/63 คาดว่าจะเห็นกำไรกลับมาฟื้นตัว ขณะที่พื้นฐานโดยรวมยังแข็งแกร่ง พร้อมเต็มที่สำหรับการเติบโต


ทั้งนี้ SCGP แจ้งว่ามีกำไรสุทธิไตรมาส 3/63 ที่ 1,335.14 ล้านบาท ลดลง 9% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (yoy) และลดลง 30% จากไตรมาสก่อน (qoq) เพราะความต้องการที่ลดลงตามภาวะเศรษฐกิจท่ามกลางการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้รายได้รวมลดลง 5% จากช่วงเดียวกันปีก่อน มาอยู่ที่ 23,287 ล้านบาท และมีขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเกิดขึ้น 36 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/62 มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 91 ล้านบาท แต่ในด้านอัตรากำไรถือว่าทำได้ดี แม้ถูกกระทบจากต้นทุนกระดาษรีไซเคิลและค่าขนส่งทางเรือที่สูงขึ้น


@แกร่งพร้อมซื้อกิจการ


นอกจากนี้มองว่า หลังการเข้ามาระดมทุนของ SCGP ทำให้มีหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุน (Net Gearing) ลดลงเหลือเพียง 0.04 เท่า พร้อมรองรับการเติบโต ซึ่งจะมีทั้งรูปแบบของการเข้าซื้อกิจการ การจับมือเป็นพันธมิตรและการลงทุนแบบการเข้าซื้อกิจการ (Brown Field) โดยมีดีลสำคัญที่รอปิดในไตรมาส 4/63 คือการซื้อกิจการบริษัท SOVI ในเวียดนาม โดย SCGP ตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มรายได้ขึ้นอีก 1 เท่าตัวภายใน 5 ปีข้างหน้า


ฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์เอเชีย พลัส มองว่า SCGP มีจุดเด่นคือมีอัตรากำไรที่สูงกว่าคู่แข่งในอุตสาหกรรม และมีข้อได้เปรียบจากเครือข่ายการตลาดที่มีอยู่ทั่วภูมิภาคอาเซียน รวมถึงแนวทางการเติบโตที่ชัดเจนหลังเข้า IPO โดยได้ประเมินราคาเหมาะสมอยู่ที่ 41 บาท ซึ่งเทียบกับพี/อี เรโช ของปี 2564 ที่ 21.75 เท่า โดยแนะนำซื้อ


ด้านบริษัทหลักทรัพย์กรุงศรี ระบุว่า กำไรไตรมาส3/2563 ของ SCGP ถูกกดดันจากกระดาษพิมพ์และอัตราแลกเปลี่ยน โดยรายได้การขายยังเติบโต 8% เทียบไตรมาสก่อน ได้รับแรงหนุนจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นของบรรจุภัณฑ์ไฟเบอร์ (+9% qoq) และกระดาษบรรจุภัณฑ์ (+15% qoq) แต่รายได้จากบรรจุภัณฑ์จากวัสดุสมรรถนะสูงและพอลิเมอร์ (PPP) ลดลง 12% qoq เนื่องจากความต้องการที่ลดลงของผลผลิตการเกษตรและการใช้จ่ายที่ลดลงของผู้บริโภคในไตรมาส2จากการปิดเมือง ส่วนรายได้จากธุรกิจเยื่อกระดาษและกระดาษพิมพ์เขียน (fibrous chain) ลดลง -5% qoq จากการพิมพ์และกระดาษเขียนลดลงเนื่องจากการปิดโรงเรียนและสำนักงาน โดยกำไรที่ลดลง QoQ เนื่องจากการขาดทุนค่าเงิน 201ล้านบาท จาก Fajar Indonesia เทียบกับกำไรค่าเงิน 872 ล้านบาทในไตรมาส2 หากตัดผลกระทบค่าเงินออกไป กำไรปกติเติบโต 10% qoq แต่ -4% yoy สู่ระดับ 1.6พันลบ.


@ได้แรงหนุนบรรจุภัณฑ์โต


โดยจากการประชุมนักวเคราะห์เมื่อวานนี้ ฝ่ายบริหารยืนยันการเข้าซื้อ SOVI ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ไฟเบอร์ใหญ่อันดับที่ 6 ในเวียดนามจะได้ข้อสรุปในสิ้นปีนี้ SCGP ได้ลงทุน 8.2พันล้านบาทในการขยายกำลังการผลิตใน 4 ประเทศ ประกอบด้วย 1) BATICO (+20% บรรจุภัณฑ์อ่อนตัวในเวียดนามใน 3Q20), 2) Fajar (+29% สำหรับบรรจุภัณฑ์กระดาษในอินโดนิเซีย, 1Q21), 3) UPPC (+50% บรรจุภัณฑ์กระดาษในฟิลิปปินส์, 2Q21), และ 4) Prepack (บรรจุภัณฑ์อ่อนตัวในไทย, 2Q21)


ประเมินราคาหุ้นSCGP อาจถูกกดดันจากแรงขายในระยะสั้น เนื่องจากความคาดหวังผลการดำเนินงานจากตลาด  อย่างไรก็ตามจากแนวโน้มความต้องการสำหรับบรรจุภัณฑ์ที่จะเติบโตเร็วกว่า GDP โลก ยังได้รับแรงหนุนจากแนวโน้ม e-commerce แนะซื้อ ราคาเป้าหมาย 42บาท เทียบเท่า พีอี 20 เท่าในปี 2564

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X