ทันหุ้น –ADVANC ตั้งเป้ายอดผู้ใช้ 5G ในสิ้นปี 2564 จะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1 ล้านราย จากสิ้นปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 1 แสนราย คาดเปิดขายไอโฟน 12 ในวันที่ 27 พฤศจิกายนนี้ จะช่วยทำให้มีการใช้ 5G เพิ่มขึ้น ขณะที่อินเทอร์เน็ตบ้านยังมีการเติบโตสูง ขระที่ประเมินหากมีวัคซีนรักษาโควิด-19 จะทำให้สัดส่วนรายได้จากกลุ่มนักท่องเที่ยวกลับคืนมาคิดเป็น 2.0-2.5% ของรายได้รวม

นายวัชรพงษ์ ลีโทชวลิต ผู้จัดการฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC เปิดเผยว่า ปัจจุบันนี้บริษัทเปิดให้บริการ 5G แล้ว ซึ่งขณะนี้มีจำนวนผู้ใช้บริการประมาณ 7 หมื่นราย โดยบริษัทตั้งเป้าว่าภายในสิ้นปี 2563 จะมีจำนวนผู้ใช้บริการประมาณ 1 แสนราย และในสิ้นปี 2564 จำนวนผู้ใช้บริการจะกับบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 1 ล้านราย

ทั้งนี้ประเมินว่าไอโฟน 12 ซึ่งเป็นรุ่นที่รองรับ 5G จะเป็นปัจจัยที่ผลักดันให้มีการใช้บริการ 5G มากขึ้น เพราะจำนวนผู้ใช้บริการไอโฟนมีจำนวนมาก รวมถึงผู้ใช้บริการจะเป็นผู้ที่มีกำลังซื้อสูง ซึ่งจะผลักดันให้รายได้ต่อหมายเลข (ARPU) เพิ่มขึ้น ซึ่งบริษัทเตรียมจะเปิดให้จองซื้อไอโฟน 12 ภายในวันที่ 20 พฤศจิกายนนี้ และจะเปิดจำหน่ายในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2563 ซึ่งหากไอโฟน 12 ได้รับความนิยมอาจทำให้จำนวนผู้ใช้ 5G ในสิ้นปีนี้มากกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ก็ได้ นอกจากนี้คาดว่าโทรศัพท์มือถือในราคาที่ต่ำกว่า 1 หมื่นบาท แต่รองรับการใช้ 5G ก็จะเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยผลักดันให้มีการใช้ 5G เพิ่มมากขึ้นได้เช่นกัน

*เน็ตบ้านยังเติบโต

สำหรับธุรกิจของ ADVANC ในไตรมาส 3/2563 พบว่าธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ มีจำนวนลูกค้า 41 ล้านเลขหมาย ซึ่งทรงตัวจากไตรมาสก่อน ขณะที่รายได้ลดลงประมาณ 7% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้มีการปิดเมือง นักท่องเที่ยวต่างชาติหายไป รวมถึงการแข่งขันในอุตสาหกรรมที่ยังสูง ซึ่งส่งผลกระทบต่อ ARPU ที่ลดลง

ส่วนของธุรกิจอินเตอร์เน็ตบ้าน ยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากการทำงานที่บ้านในช่วงที่ผ่านมา และธุรกิจที่ให้บริการลูกค้าองค์กร เช่นการให้บริการ Cloud, Data Center และ IT Solution ที่มีการเติบโตอย่างมาก เพราะลูกค้ามีการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาใช้บริการ

นายวัชรพงษ์ กล่าวอีกว่า หากการมีคิดค้นวัคซีนต้านโควิด-19 ได้สำเร็จและมีการนำมาใช้ ในส่วนของบริษัทจะได้รับผลดี เพราะจะทำให้กลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ จะสามารถเข้ามาในประเทศไทยได้ ซึ่งจะทำให้มีรายได้ในส่วนนี้เข้ามาประมาณ 2.0-2.5% ของรายได้รวม เพราะในช่วงที่ผ่านมารายได้ในส่วนนี้ได้ลดลงไปจากการปิดประเทศ

*อัดฉีดงบลงทุน 3.5 หมื่นล.

ทั้งนี้มองว่าแม้ว่าประเทศไทยจะมีการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ดี แต่คาดว่าเศรษฐกิจในไตรมาส 4/2563 ของไทยก็ยังฟื้นตัวได้ช้า เพราะกลุ่มนักท่องเที่ยวยังเข้ามาไม่ได้มาก รวมถึงตัวเลขการว่างงานที่ยังสูง ด้านอุตสาหกรรมมีการแข่งขันสูง ดังนั้น จึงทำให้บริษัทได้ปรับลดรายได้หลักในการให้บริการของปี 2563 ลงจากเดิม เป็นหดตัวในอัตราเลขตัวเดียวระดับต่ำถึงระดับกลาง จากเดิมมองว่าจะหดตัวในอัตราตัวเลขตัวเดียวระดับต่ำ

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของประมาณการอื่น ยังคงเป้าหมายเหมือนเดิม ทั้งในส่วนของกำไร EBITDA ซึ่งยังคาดว่าหดตัวในอัตราตัวเลขเดียวระดับต่ำเหมือนเดิม รวมถึงงบลงทุนในปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 35,000 ล้านบาท ซึ่งใน 9 เดือนแรกใช้ไปแล้วประมาณ 1.8 หมื่นล้านบาท โดยงบลงทุนปีนี้จะนำไปใช้ขยายโครงข่ายทั้ง 4G และ 5G รวมถึงธุรกิจอินเทอร์เน็ตบ้าน โดยมีเป้าหมายการขยายพื้นที่ให้บริการ 5G ให้ครอบคลุมกว่า 16% ของประชากรทั่วประเทศในปีนี้