ทันหุ้น-TSI เดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งหลังเพิ่มทุนไตรมาส 4 ปีที่ผ่านมา ขยายงานรับประกันภัย ส่งผลให้ CAR RATIO ปรับเพิ่มสูงขึ้นทะลุ 500% ขณะที่ไตรมาส 3 ทำกำไร 23 ล้านบาท คาดการณ์สิ้นปีมีเบี้ยประกันภัยรับ 670 ล้านบาท
นายธนพล บุญวรุตม์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยเศรษฐกิจประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ TSI Insurance เปิดเผยถึงภาพรวมการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนที่ผ่านว่า แม้สถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด – 19 จะส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานบ้าง แต่บริษัทฯ สามารถบริหารจัดการภายในองค์กรให้เป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ นอกจากนี้บริษัทฯ ได้การนำระบบ TSI Easy Connect มาใช้เพื่อเชื่อมต่องานด้านการขายของโบรกเกอร์และตัวแทนประกันภัย
“ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้เพิ่มทีมงานด้านการตลาดและฝ่ายรับประกันภัยเพื่อรองรับการเติบโต โดยในไตรมาส 3/2563 งานประกันภัยทั่วไป หรือ Non-Motor มีการเติบโตค่อนข้างสูง ทั้งผลิตภัณฑ์ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) ประกันภัยทรัพย์สิน ประกันอัคคีภัย ประกันภัยวิศวกรรม และประกันภัยเบ็ดเตล็ด นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้เตรียมขายประกันภัยโควิด สำหรับชาวต่างชาติที่จะเดินทางเข้าประเทศเพื่อรองรับนโยบายการเปิดประเทศของรัฐบาล” นายธนพลกล่าว
สำหรับแผนการดำเนินงานนับจากนี้ยังคงเน้นเรื่องคุณภาพของการรับงานประกันภัยและการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคู่ค้า เช่น นายหน้า ตัวแทน บริษัทสำรวจภัย ศูนย์ซ่อมและอู่ ควบคู่กับการหาพันธมิตรใหม่เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่ตรงกับความต้องการลูกค้าเฉพาะกลุ่ม และการขยายการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มธุรกิจ
ด้านนางสาวคณิดา นิมมาณวัฒนา รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงินและบัญชี กล่าวถึงผลดำเนินงานในไตรมาสที่ 3/2563 ว่า สำหรับงวด 9 เดือน บริษัทฯ มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 512.9 ล้านบาท มีรายได้รวมจํานวน 454.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 210.8 ล้านบาทจากปี 2562 เป็นรายได้จากการรับประกันภัยจํานวน 370 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม 9 เดือน บริษัทขาดทุนสุทธิราว 80 ล้านบาท
ในขณะที่งวดไตรมาส 3 พลิกทำกำไรสุทธิได้ 23.4 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 43 ล้านบาทและ มีรายได้รวม 171.5 ล้านโดยเป็นรายได้จากการรับรู้เบี้ยประกันภัย 111.0 ล้านบาท และมีรายได้อื่นเพิ่มขึ้นจากการกลับรายการค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับคดีความในอดีต ซึ่งคดีความได้สิ้นสุดลงและบริษัทฯ ไม่มีภาระต้องจ่ายค่าใช้จ่ายดังกล่าว ขณะที่อัตราส่วนสินไหมสุทธิลดลงจากร้อยละ 74 เป็นร้อยละ 46 และค่าใช้จ่ายในการรับประกันภัยอื่นใกล้เคียงกับปีก่อน
ขณะที่อัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุน หรือ CAR RATIO ของบริษัทฯ ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กำหนด มาตั้งแต่ไตรมาส 3/2561 และแข็งแกร่งขึ้นโดยเฉพาะหลังการเพิ่มทุนในไตรมาส 4/2562โดยมีอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุนอยู่ที่ร้อยละ 601 ล่าสุด ณ ไตรมาส 3/2563 อยู่ที่ร้อยละ 518
ทั้งนี้ บริษัทฯ คาดว่าในปี 2563 จะมีเบี้ยประกันภัยรับทั้งสิ้นประมาณ 670 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 32 จากในปี 2562 ที่มีเบี้ยประกันภัยรับจำนวน 507.3 ล้านบาท โดยจะมาจากงานประเภทรถยนต์ร้อยละ 85 และงานประเภทอื่นร้อยละ 15
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม