ทันหุ้น - สู้โควิด - บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุถึง MAJOR ว่า บริษัทให้ข้อมูล 4Q63 คาดผลประกอบการยังคงชะลอตัว YoY เนื่องจากภาพยนต์ฟอร์มใหญ่ที่เลื่อนฉายไปปีหน้า เหลือเพียง Wonder woman และมีภาพยนตร์ไทย ที่มีโอกาสทำเงิน ส่วนด้านประสิทธิภาพในการทำกำไรลดลงตามรายได้ที่ปรับลดลง แต่ถือว่าทำได้ดี ซึ่งไตรมาสที่ผ่านมาบริษัทมีผลขาดทุนส่วนใหญ่จากต้นทุนค่าเสื่อม ขณะที่การเจรจาขอลดค่าเช่าพื้นที่คาดยังมีผลต่อใน 4Q63

แผนการในการขายสาขาปีนี้เป็นไปอย่างระมัดระวัง โดย 4Q63 เหลือเปิดเพิ่ม 2 โรง ภาพรวมทั้งปีเปิดเพิ่มเพียง 7 แห่ง กรณี Business disruption จากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยน และผลจาก COVID-19 ทำให้ผู้บริโภคเปลี่ยนไปดูภาพยนตร์ออน์ไลน์มากขึ้น ขณะที่ผู้สร้างหนังเริ่มมีการนำภาพยนต์ไปฉายผ่านแพลตฟอร์มออน์ไลน์และ video on demand บริษัทยังมองว่ากระทบในช่วงสั้น เนื่องจากผู้สร้างได้ผลตอบแทนที่น้อยกว่า และยังเชื่อว่าผู้บริโภคยังนิยมชมภาพยนต์ในโรงภาพยนต์

บริษัทมองว่าผลประกอบการจะฟื้นตัวดีในปี 2564 เนื่องจากภาพยนต์ฟอร์มใหญ่ที่รอฉายจำนวนมากในปีหน้า โดยมีภาพยนตร์จากฝั่ง Hollywood กว่า 56 เรื่อง และฝั่งภาพยนตร์ไทยกว่า 55 เรื่อง ซึ่งมีของบริษัทลูก MPIC ราว 19 เรื่อง แต่ยังขึ้นอยู่กับสถานการณ์ COVID-19 ว่าสามารถคิดค้นวัคซีนได้เร็วแค่ไหน

ในปี 2564 เราคาดหวังว่าจะมีการคิดค้นวัคซีนรักษา COVID-19 ได้ ซึ่งจะเริ่มได้ผลบวกจากภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่ที่อั้นไปฉายปีหน้า ส่งผลให้คาดผลประกอบการจะพลิกกลับมามีกำไร 856 ล้านบาท

กรณีที่ประเทศไทยลงนาม ความตกลง RCEP สามารถเปิดตลาดการค้าได้ 14ประเทศ อุตสาหกรรมภาพยนตร์เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ได้รับประโยชน์

เรามองว่าผลประกอบการของ MAJOR ผ่านจุดแย่สุดไปแล้ว ขณะที่ปี 2564 จะพลิกฟื้นกลับมามีกำไร บนสมมติฐานการแพร่ระบาดของ COVID-19 จะคลี่คลายในทางที่ดีขึ้น นอกจากนี้บริษัทยังมีสถานทางการเงินที่แข็งแกร่ง และยังมีการจ่ายปันผลสม่ำเสมอ เราคาดว่าบริษัทจะกลับมาจ่ายปันผลได้ในปีหน้าที่ 0.73 บาท ต่อหุ้น Yield 4.5% จากราคาปัจจุบัน เราคงมูลค่าพื้นฐานในปี 2564 ที่ 19.10 บาท อิง P/E เฉลี่ย 4 ปีที่20x