> SET > BJC

08 ธันวาคม 2020 เวลา 08:30 น.

BJCลั่นปีหน้าฟื้นตัว งบสธ.ดันเฮลแคร์เด่น

ทันหุ้น - BJC ประกาศปี64กลับมาโต เศรษฐกิจฟื้น งบสาธารณสุขช่วยดันธุรกิจเฮลธ์แคร์ ขณะที่ธุรกิจบรรจุภัณฑ์แก้วกระป๋อง ออเดอร์เข้าเพียบ แย้มผลงานไตรมาส 4/63เติบโตต่อเนื่อง รับอานิสงส์รัฐออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ เดินหน้าขยายสาขาบิ๊กซีมินิต่อเนื่องคาดสิ้นปีนี้เข้าเป้าครบ 240สาขา


นายรามี บีไรเนน ผู้อำนวยการฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) BJC เปิดเผยว่า สำหรับภาพรวมธุรกิจในปี 2564 เบื้องต้นบริษัทคาดว่าจะมีการฟื้นตัวที่ดีขึ้นกว่าปีนี้ เนื่องจากมีปัจจัยบวกสนับสนุนในหลายๆ ด้านทั้งการพัฒนาวัคซีนต้านโควิด-19ที่หลายประเทศคาดว่าภายในช่วงต้นปี 2564 จะเริ่มออกมาใช้ได้แล้ว ซึ่งมองว่าจะส่งผลดีต่อภาวะเศรษฐกิจและงบประมาณภาครัฐที่จะทยอยออกมา เช่น งบกระทรวงสาธารณสุขที่ผ่านออกมาใช้ จะส่งผลดีต่อกลุ่มธุรกิจเฮลแคร์ของบริษัท รวมไปถึงธุรกิจบรรจุภัณฑ์ อาทิ แก้วและกระป๋องที่ปัจจุบันมีลูกค้าและผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น และบริษัทยังสามารถหาลูกค้าใหม่เข้ามาชดเชยออเดอร์ของลูกค้าเก่าที่หายไปได้แล้วตั้งแต่ไตรมาส 3/2563 เป็นต้นมา ซึ่งคาดว่าจะช่วยหนุนออเดอร์ของบริษัทให้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องยาวไปจนถึงปีหน้า


ประเมินภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2563มองว่าจะมีการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้าที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 38,239ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,062 ล้านบาท โดยปัจจัยขับเคลื่อนหลักๆ เป็นผลมาภาพรวมสภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวดีขึ้นหลังจากที่สถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19เริ่มเบาบาง รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของทางภาครัฐที่ทำให้กำลังซื้อเริ่มกลับมา


*ออเดอร์กระป๋องเข้า


นอกจากนี้ จากการเดินหน้าขยายฐานลูกค้าในกลุ่มธุรกิจบรรจุภัณฑ์กระป๋องอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ในช่วงไตรมาส 3/2563 บริษัทได้รับคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) จากกลุ่มลูกค้าใหม่เข้ามาเพิ่มซึ่งช่วยชดเชยกับคำสั่งซื้อของลูกค้าเดิมที่หายไป ประกอบกับจากการขยายไลน์ผลิตกระป๋องขนาดใหม่ 500มิลลิลิตร (ml) ส่งผลให้บริษัทได้รับออเดอร์ใหม่เข้ามาทั้งจากกลุ่มลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่เข้ามาเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตในปัจจุบันอยู่ในระดับที่มีความเหมาะสม ทำให้เชื่อว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้อัตรากำไรขั้นต้นจะดีกว่าเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า


ขณะเดียวกันในไตรมาสสุดท้ายของปี 2563บริษัทยังคงเดินหน้าขยายสาขาใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะบิ๊กซีมินิที่ปีนี้วางเป้าหมายจะขยายสาขาใหม่ไม่น้อยกว่า 240สาขา โดยในช่วง 9เดือนแรกของปีนี้บริษัทมีการขยายสาขาไปได้แล้วกว่า 65%ของยอดสาขาใหม่รวม และคาดว่า ณ สิ้นปีจะเปิดได้ครบตามเป้าหมาย อย่างไรก็ดี ณ สิ้นไตรมาส 3/2563 ที่ผ่านมาบริษัทมีสาขาบิ๊กซีรวมทั้งหมดกว่า 1,511สาขา โดยมีจำนวนสาขาไฮเปอร์มาร์เก็ตทั้งหมด 152สาขา, บิ๊กซีมาร์เก็ต 62สาขา, มินิบิ๊กซี 1,153สาขา (รวมสาขาแฟรนไชส์ 61 สาขา) และร้านขายยาเพรียว 144สาขา


แม้ว่าภาพรวมธุรกิจจะมีการปรับตัวที่ดีขึ้นรายไตรมาสจากนี้ แต่หากเมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกับปีก่อนยอมรับว่ายังไม่ดีเท่าเดิม คาดว่าทั้งปี 2563นี้อัตราการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ในปีนี้ยังคงติดลบ แต่มองว่า SSSG ในไตรมาส 4/2563 จะปรับตัวดีขึ้นกว่าไตรมาส 3/2563อยู่ที่ 17.7%


"ภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้เรามั่นใจว่าจะมีการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้า แต่อาจปรับตัวลดลงเมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน เนื่องจากปัจจัยเชิงลบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19กำลังซื้อที่ชะลอตัว การท่องเที่ยวหดตัวนักท่องเที่ยวต่างชาติหายไปจำนวนมาก อย่างไรก็ดี เรามองว่าในปี 2564 ทุกอย่างจะฟื้นตัวดีขึ้นกว่าปีนี้ เพราะคาดว่าภายในช่วงต้นปีหน้าวัคซีต้านไวรัสโควิ-19น่าจะกระจายใช้งานได้แล้ว ทำให้การเดินทาง การท่องเที่ยวจะกลับมา กำลังซื้อและเศรษฐกิจจะทยอยฟื้นตัวดีขึ้นตามไปด้วย"นายรามี กล่าว

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X