> SET > SCCC

29 ธันวาคม 2020 เวลา 11:11 น.

SCBS ชี้ SCCC เด่นกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ชูปันผลในปี 63 น่าสนใจที่ 6% ต่อปี

บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด ระบุถึง หุ้นกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ว่า ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2563ปริมาณการขายปูนซีเมนต์และกระเบื้องเซรามิคในประเทศเติบโตที่ 2% YoY และ -4% YoY ตามลำดับ ในปี 2564 เราคาดว่าปริมาณการขายปูนซีเมนต์และกระเบื้องเซรามิคในประเทศจะเพิ่มขึ้น 3% YoY ฟื้นตัวจาก -1% YoY และ -5% YoY ตามลำดับ ในปี 2563โดยจะได้รับการสนับสนุนจากการลงทุนโดยรวมที่ฟื้นตัวดีขึ้นที่ 6.2% YoY ในปี 2564 (เทียบกับ -5.2% YoY ในปี 2563) บนสมมติฐานที่ว่าการลงทุนภาครัฐจะเติบโต 9.8% YoY (เทียบกับ 11.5% YoY ในปี 2563) และการลงทุนภาคเอกชนจะเติบโต 4.6% YoY (เทียบกับ -10.9% YoY ในปี 2563) อ้างอิงจากประมาณการเศรษฐกิจไทยจาก SCB EIC


ในปี 2564การเติบโตของการลงทุนภาครัฐมีแนวโน้มที่จะได้รับการสนับสนุนจากปัจจัยหลายอย่างด้วยกัน ประการแรก การจัดสรรงบประมาณลงทุนปี 2564 (ต.ค. 2563-ก.ย. 2564) ของรัฐบาล ปรับเพิ่มขึ้นสู่ 6.49 แสนลบ. (+17% YoY) ประการที่สอง การเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐมีแนวโน้มที่จะเร่งตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง


โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน 4Q63-1Q64 จากฐานต่ำของปีก่อนที่มีสาเหตุมาจากการผ่านงบประมาณปี 2563 (ต.ค. 2562 - ก.ย. 2563) ล่าช้า 6 เดือน ประการที่สาม จะมีการเบิกจ่ายงบประมาณจากโครงการขนาดใหญ่อย่างต่อเนื่อง และส่วนหนึ่งเกิดจากโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม วงเงิน 4แสนลบ. ภายใต้ พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านลบ. ในปีหน้า


ในปี 2564 การลงทุนภาคเอกชนมีแนวโน้มฟื้นตัว โดยได้รับการสนับสนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศและการส่งออกที่ปรับตัวดีขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ในปี 2564 SCBS คาดว่ายอดขายของผู้ประกอบการโครงการที่อยู่อาศัยจดทะเบียน 7 รายภายใต้การวิเคราะห์ (AP, LH, LPN, PSH, QH, SIRI และ SPALI) จะเติบโต 5% YoY สู่ 1.75 พันลบ.


โดยยอดขายโครงการแนวราบจะปรับตัวดีขึ้น (+16% YoY) จากการเติบโตตามปกติและอุปสงค์ที่ดีขึ้นจากพฤติกรรมเว้นระยะห่างทางสังคมสืบเนื่องมาจากการระบาดของโควิด-19 ขณะที่ยอดขายคอนโดมิเนียมจะอยู่ในระดับที่ค่อนข้างทรงตัว YoY โดยมีสาเหตุมาจากความต้องการซื้อของกลุ่มผู้ซื้อชาวต่างชาติที่อยู่ในระดับต่ำอย่างต่อเนื่อง และพฤติกรรมเว้นระยะห่างทางสังคมสืบเนื่องมาจากการระบาดของโควิด-19 อย่างไรก็ดี เงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ที่ไหลเข้ามายังประเทศไทยมีแนวโน้มที่จะยังอยู่ในระดับต่ำ สอดคล้องกับ FDI ทั่วโลกซึ่ง UNCTAD คาดว่าจะหดตัวลง 40% YoY ในปี 2563 และ 5-10% ในปี 2564


ในเดือนธ.ค. ราคาถ่านหิน (spot price) กลับมาปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 19 เดือน (เพิ่มขึ้น 20% YoY) และราคาน้ำมัน (spot price) เพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 10 เดือน (แต่ยังคงหดตัว 25% YoY) ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นปี 2563 เป็นต้นมา ราคาถ่านหิน (spot price) ยังคงปรับตัวลดลง 24% YoY และราคาน้ำมัน (spot price) ปรับตัวลดลง 34% YoY ต้นทุนถ่านหินคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 30% ของต้นทุนการผลิตทั้งหมดของผู้ผลิตปูนซีเมนต์


และต้นทุนก๊าซธรรมชาติคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 20% ของต้นทุนการผลิตทั้งหมดของผู้ผลิตกระเบื้องเซรามิค ผู้ผลิตปูนซีเมนต์มักจะล็อกราคาถ่านหินล่วงหน้า 6-12 เดือน และราคาก๊าซมักจะปรับตัวตามหลังราคาน้ำมันอยู่ 3-6 เดือน ในส่วนของอัตรากำไร ปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นและมาตรการลดต้นทุนในภาวะที่ราคาขายทรงตัว จะช่วยชดเชยผลกระทบจากต้นทุนพลังงานที่แท้จริง ที่คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้น YoY ในช่วงกลางถึงปลายปี 2564


อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิ๊ก
https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิ๊ก
https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิ๊ก
https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิ๊ก
https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิ๊ก
https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิ๊ก
https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิ๊ก
https://twitter.com/thunhoon1

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X