ทันหุ้น – BM ทุ่มงบ 150 ล้านบาท สร้างโรงงานใหม่ รองรับสินค้าแปรรูปผลิตเพื่อส่งออก 100% ฟากผู้บริหารส่งซิกยอดขายปีนี้ทะลุ 200 ล้านบาทชัวร์ ตั้งเป้ารายได้ปี 64 โต 10-20% ลั่นลูกค้ากลุ่มรับเหมายังคึกคัก โครงการออกเพียบ พร้อมหาตัวแทนขายกลุ่ม B2B

นายธีรวัต อมรธาตรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท บางกอกชีทเม็ททัล จำกัด (มหาชน) หรือ BM เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานปี 2564 บริษัทจะเน้นผลิตสินค้าแปรรูปโลหะเหล็กส่งออกมากขึ้น โดยเฉพาะลูกค้าในอเมริกา ซึ่งมีคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทเห็นทิศทางการเติบโตในตลาดส่งออก และบริษัทจะพัฒนาที่ดิน 25 ไร่ เพื่อรองรับการส่งออก โดยตั้งงบลงทุนเพื่อติดตั้งเครื่องจักร และสร้างโรงงานใหม่ราว 100-150 ล้านบาท เบื้องต้นคาดจะก่อสร้างและเริ่มผลิตสินค้าได้ภายในปี 2564

ส่งออกทะลุ 200 ล.

สำหรับยอดขายจากการส่งออกคาดจะเติบโตเพิ่มขึ้นมากกว่า 200 ล้านบาท และคาดสัดส่วนจะมากกว่า 20% ของยอดขายรวมทั้งหมด เพราะลูกค้าอเมริกามีออเดอร์เข้ามาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีที่ผ่านมา อีกทั้งบริษัทต้องการสร้างโรงงานแห่งใหม่ เพื่อผลิตสินค้าส่งออก 100% เนื่องจากบริษัทเห็นทิศทางการเติบโตในตลาดส่งออกที่ชัดเจน อย่างไรก็ตามยอดส่งออกยังไม่รวมกับการเติบโตในประมาณการรายได้ทั้งปี 2564

โดยบริษัทตั้งเป้าปี 2564 เติบโตประมาณ 10-20% ต่อจากปี 2563 โดยสัดส่วนยอดขายยังมาจากกลุ่มแรกคือกลุ่มผู้รับเหมา (Construction) สามารถดำเนินโครงการได้แล้วตามปกติ เช่น โครงการรถไฟฟ้า ซึ่งเรียกให้ผู้ประกอบการส่งวัตถุดิบที่เกี่ยวกับงานก่อสร้าง ส่งมอบสินค้าให้เร็วที่สุด ทำให้บริษัทต้องเร่งมือผลิตสินค้าและส่งมอบให้ทันตามกำหนด ประกอบกับปี 2563 โครงการถูกเลื่อนการส่งมอบมายังปลายปี และยาวมาถึงปี 2564 ทำให้บริษัทประเมินยอดขายจากกลุ่มผู้รับเหมาจะกลับมาคึกคัก ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ หรือ Backlog อยู่ที่ประมาณ 400-500 ล้านบาท

หาตัวแทนขายเพิ่ม

ส่วนกลุ่มที่สองคือกลุ่ม B2B หรือการจำหน่ายเครื่องจักรกลทางการเกษตรให้กับลูกค้ากลุ่มคูโบต้า รวมถึงสินค้าอื่น เช่น ตู้โลหะ บริษัทจะผลักดันการขายสินค้าไปให้ตัวแทนขายมากขึ้น เพื่อกระจายสินค้าเข้ากลุ่มผู้ใช้งาน ทั้งนี้คาดสัดส่วนยอดขายจะยังใกล้เคียงกับปี 2563 หรือมีสัดส่วนจากกลุ่มผู้รับเหมาที่ 55% และกลุ่ม B2B ที่ 45%

อนึ่ง สินค้าของบริษัทครอบคลุมใน 7 กลุ่มงาน 1.กลุ่มงานรางและท่อร้อยสายไฟฟ้า 2.กลุ่มงานผลิตตู้โลหะ 3.กลุ่มงานตู้สวิตช์บอร์ด 4.กลุ่มงานเชื่อมประกอบ 5.กลุ่มงานกลุ่มเครื่องมือและเครื่องจักรกล 6.กลุ่มงานผลิตชิ้นส่วนให้กับคูโบต้า และ 7.กลุ่มธุรกิจอื่น ที่เป็นธุรกิจการค้าระหว่างหน่วยงานธุรกิจกับหน่วยธุรกิจ (B2B)

นายธีรวัต กล่าวก่อนหน้านี้ว่า บริษัทปรับโมเดลการดำเนินธุรกิจไปสู่ New Normal เพื่อให้สอดคล้องกับการปรับตัวและการใช้ชีวิตประจำวัน โดยรับจ้างผลิตและขายสินค้าให้กับลูกค้า (OEM) และการออกแบบสินค้าให้กับลูกค้า (ODM) จากที่เดิมบริษัทผลิตสินค้าภายใต้แบรนด์บริษัทเองและขายให้กับกลุ่มผู้รับเหมา แต่ที่ผ่านมากลุ่มผู้รับเหมาได้รับผลกระทบการดำเนินงาน จากกรอบควบคุมเวลา หรือเคอร์ฟิว ส่งผลให้บริษัทส่งมอบงานให้ลูกค้าล่าช้ากว่ากำหนด