ทันหุ้น – HPT ตั้งเป้ารายได้รวมปี 64 โต 20-40% จากธุรกิจผลิตเซรามิคส่งออก และขายอุปกรณ์ครัวเรือนในประเทศ จ้องผุดสาขาเพิ่ม 2-4 แห่งในปี 64-65 คาดใช้เงินไม่เกินสาขาละ 5 ล้านบาท ย่องเจรจาแบงก์หนุนพอร์ต เผยกลยุทธ์ธุรกิจตุนเงินสด รักษาสภาพคล่อง ลดต้นทุน บริหารจัดการให้ดีขึ้น

นางสาวนิจวรรณ เชาว์กิตติโสภณ กรรมการผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท โฮมพอตเทอรี่ จำกัด (มหาชน) หรือ HPT เปิดเผยว่า ปี 2564 บริษัทประเมินทิศทางธุรกิจและผลประกอบการจะดีขึ้น โดยมีปัจจัยสนับสนุนจาก 2 ธุรกิจของบริษัท คือ ธุรกิจผลิตเซรามิคส่งออก กับธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์ครัวในประเทศ ซึ่งบริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2564 รวมกันจะเติบโตประมาณ 20-40% ต่อจากปี 2563 

เจาะเครัวเรือน

สำหรับธุรกิจผลิตเซรามิคส่งออกคำสั่งซื้อ(ออเดอร์) จากลูกค้าฐานเดิมเริ่มทยอยกลับมา อีกทั้งบริษัทได้มีแผนเพิ่มฐานลูกค้าต่างประเทศกลุ่มครัวเรือน ซึ่งเดิมมีอยู่บางส่วนแล้วให้มีสัดส่วนที่เพิ่มมากขึ้น ส่วนทางด้านธุรกิจจำหน่ายเครื่องครัวในประเทศ ซึ่งบริษัทดำเนินธุรกิจจำหน่ายสินค้าผ่าน บริษัท เซ็นทรัล ฮอสพิแทลลิที จำกัด (CHL) นั้น บริษัทได้ขยายฐานลูกค้าเพิ่มเติมจากโรงแรมร้านอาหารมาเป็นกลุ่มครัวเรือนมากขึ้น ผ่านช่องทางต่างๆ ทั้ง Online และ Offline ซึ่งมีสัดส่วนที่เติบโตและคาดว่าจะสามารถเติบโตได้ดีในปี 2564

โดยแบรนด์ที่ CHLจำหน่ายนั้นได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น แบรนด์ Petye (เพทาย) ซึ่งเป็นสินค้าที่บริษัทเป็นผู้ผลิตเอง หรือ Victorinox มีดทำครัวจากสวิตเซอแลนด์ซึ่งบริษัทเป็นผู้นำเข้า รวมถึงแก้วเครื่องดื่มคริสตัล Chef&Sommelier จากฝรั่งเศส

ทั้งนี้บริษัทวางกลยุทธ์ทั้งสองธุรกิจโดยเน้นการเพิ่มฐานลูกค้าในกลุ่มครัวเรือนมากขึ้น เนื่องจากสินค้าที่บริษัทมีอยู่นั้นสามารถขยายไปยังลูกค้ากลุ่มครัวเรือนได้ ด้านโรงงานการผลิตและส่งออกบริษัทยังมุ่งเน้นการลดต้นทุน ส่วนธุรกิจด้านการจำหน่ายเครื่องครัว CHL ซึ่งมีสินค้าหลากหลายได้เพิ่มกลุ่มสินค้าให้เข้ากับสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าในกลุ่มทำความสะอาดฆ่าเชื้อที่ กลุ่มสินค้าป้องกันเชื้อต่างๆ เช่น ถุงมือ หน้ากาก รวมไปถึงกลุ่ม packaging และสำหรับร้านอาหาร take away เป็นต้น

ขยายสาขา CHL

ด้านแผนการลงทุนโรงงานการผลิตและส่งออก บริษัทยังไม่มีแผนการลงทุนเพิ่ม ส่วนธุรกิจจำหน่ายเครื่องครัว CHL บริษัทเจรจากับสถาบันการเงิน เพื่อเป็นฐานด้านเงินทุนขยายสาขา CHL โดยตั้งเป้าในปี 2564-2565 จะขยาย 2-4 สาขา ซึ่งเงินลงทุนคาดจะใช้สาขาละไม่เกิน 5 ล้านบาท โดยคาดการณ์รายได้ต่อสาขาประมาณ 3-8 ล้านบาทต่อเดือน

นางสาวนิจวรรณ กล่าวต่อว่า สำหรับสถานการณ์โควิด-19 มีผลต่อการชะลอการสั่งซื้ออvเดอร์ในช่วงปี 2563 ที่ผ่านมาไปบ้าง แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้บริษัทมีโอกาสพัฒนาการขายสินค้าไปในกลุ่มลูกค้าฐานอื่นๆเพิ่มมากขึ้น นอกจากช่วงปีที่ผ่านมาบริษัทสามารถเก็บหนี้ลูกหนี้ได้ ส่งผลให้งบกระแสเงินสดมีสภาพคล่อง และยังรักษากระแสเงินสดดำเนินงานได้ดี

อย่างไรก็ดีทั้งสองธุรกิจนอกจากมีกระแสเงินสดที่มีสภาพคล่องแล้ว ยังสามารถปรับตัวลดต้นทุน ขณะเดียวกันได้เพิ่มฐานลูกค้าประเภทอื่น รวมถึงปรับการบริหารจัดการให้คล่องตัวยิ่งขึ้น ในส่วนโรงงานผลิตมีจุดแข็งคือเป็นผู้ผลิตซึ่งมีรูปแบบผลิตภัณฑ์หลากหลาย มีสายการผลิตที่ยืดหยุ่นเหมาะกับสถานการณ์ปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว นอกจากนี้ธุรกิจจำหน่ายเครื่องครัว CHLมีสินค้าหลากหลายสามารถปรับตัว และขยายการเข้าถึงลูกค้าได้รวดเร็วมากขึ้น