ทันหุ้น – BTW ชี้ทิศทางธุรกิจปีฉลูโตต่อ แย้มตุนงานรอส่งมอบปีนี้ราว 1 พันล้านบาท คาดรับรู้เป็นรายได้ปีนี้ทั้งหมด ด้านผู้บริหารวางกลยุทธ์พุ่งเป้าขยายฐานลูกค้าในประเทศ คาดดันสัดส่วนแตะ 90% พร้อมลดต้นทุนหนุนฐานมาร์จิ้นเพิ่ม หวังดันรายได้ปี 64 โต 20% ชี้ธุรกิจยั่งยืนระยะยาว พื้นฐานแข็งแกร่ง
นายโชติก รัศมีทินกรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีที เวลธ์ อินดัสตรีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ประกอบธุรกิจให้บริการแปรรูปผลิตภัณฑ์เหล็กและโครงสร้างเหล็ก ตามประเภทงาน ได้แก่ งานแปรรูปและประกอบกลุ่มชิ้นงานขนาดใหญ่ (Modularization) งานแปรรูปชิ้นงานเหล็ก (Parts Fabrication) และงานก่อสร้างโรงไฟฟ้าแบบครบวงจร (Power Plant EPC Contractor) เป็นผู้รับเหมาหลักของโครงการ เปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจและผลประกอบการปี 2564 จะเติบโตดีต่อเนื่องจากปี 2563 เนื่องจากบริษัทยังมีงานในมือ(Backlog) รอรับรู้รายได้จำนวนราว 1 พันล้านบาท ปัจจุบันบริษัทมีกลุ่มลูกค้าหลักคือธุรกิจน้ำมัน Oil&gas ประมาณ 80% และกลุ่มลูกค้าโรงไฟฟ้า และธุรกิจอื่นๆ รวม 20% โดยบริษัทจะทยอยรับรู้ Backlog เข้ามาปีนี้เกือบทั้งหมด ประกอบกับลูกค้าเดิมอย่างไทยออยล์มีโครงการออกมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทยังมีงานให้ทำต่อจากปี 2563
ดันรายได้โต 20%
ขณะที่ประเด็นราคาวัตถุดิบหรือราคาเหล็กจะผันผวน หรือปรับตัวขึ้นลง บริษัทไม่กังวลในประเด็นดังกล่าว เพราะวัตถุดิบ ลูกค้าเป็นผู้จัดหาให้กับบริษัท ทั้งนี้บริษัทคาดแนวโน้มรายได้ปี 2564 จะเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 20% ต่อจากปี 2563 ขณะเดียวกันบริษัทจะพยายามลดต้นทุนในองค์กร และลดการผลิตของเสียให้ลดลง เพื่อรักษาฐานมาร์จิ้นของบริษัทให้สูงกว่าที่ผ่านมา
อีกทั้งบริษัทยังไม่มีแผนการลงทุนเพิ่มเติม เนื่องจากอยู่ระหว่างติดตามสถานการณ์โควิด-19 อย่างใกล้ชิด ทั้งนี้บริษัทเชื่อมั่นว่าธุรกิจของบริษัทจะยั่งยืนในระยะยาว เนื่องจากมีพื้นฐานทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง
ทั้งนี้บริษัทคาดสัดส่วนรายได้ปี 2564 สัดส่วนในประเทศจะเพิ่มขึ้นถึง 90% และสัดส่วนต่างประเทศลดลงไปที่ 10% เนื่องจากบริษัทติดปัญหาเรื่องการเดินทางไปต่างประเทศ อีกทั้งบริษัทมองว่างานในประเทศยังมีจำนวนมาก และบริษัทยังสามารถทำงานให้กับลูกค้าเดิมได้
พร้อมกันนี้บริษัทคาดในปี 2564 จะมีการประมูลงานใหม่ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ เนื่องจากเป็นการแข่งขันทางธุรกิจ และบริษัทจะพยายามหางานใหม่เข้ามาให้ได้มากที่สุด
เพิ่มประสิทธิภาพ
ขณะที่ในอนาคต บริษัทตั้งเป้ารายได้จากการรับจ้างผลิตใน 3 ปีข้างหน้าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกลุ่มบริษัทมีแผนธุรกิจที่จะขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่ พร้อมกับดำเนินการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตและแปรรูปชิ้นงาน เพื่อลดต้นทุนและตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า ขยายงานสู่กลุ่มลูกค้าใหม่ จากการที่กลุ่มบริษัทได้รับใบรับรองคุณภาพมาตรฐาน JIS-H Grade ในปี 2560 ซึ่งเป็นมาตรฐานสำหรับการก่อสร้างโครงสร้างเหล็กสำหรับอาคารขนาดใหญ่ของประเทศญี่ปุ่น
รวมถึงการขยายการลงทุนไปยังธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน โดยกลุ่มบริษัทมองหาโอกาสในการลงทุนในรูปแบบต่างๆและการเข้าร่วมประมูลโครงการที่เกี่ยวข้องกับโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ด้านความเสี่ยงจากรายได้ที่ขึ้นกับโครงการที่ประมูลได้ (Project-Based Performance) กลุ่มบริษัทมีรายได้หลักจากงานโครงการที่ประมูลได้ ดังนั้นหากในอนาคตจำนวนโครงการที่เปิดให้ประมูลลดลง จะส่งผลให้มีความเสี่ยงจากการผันผวนของรายได้
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม