ทันหุ้น- บริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ จำกัด หรือSCBS ระบุว่าBJC ผลงานไตรมาส4/2563 มีกำไรสุทธิเป็นไปตามคาดที่ 1.4 พันลบ. -45% YoY แต่ +27% QoQ  โดยฝ่ายวิจัยได้ปรับประมาณการกำไรปี 2564 ของ BJC ลดลง 10% เพื่อสะท้อน SSS และรายได้ค่าเช่าที่อ่อนแอ

คาดว่ากำไรไตรมาส1/2564  จะลดลง QoQ จากปัจจัยฤดูกาล และ YoY โดยมีสาเหตุมาจาก SSS ที่หดตัวลงเพราะได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อที่อ่อนแอและมาตรการภาครัฐล่าสุด และรายได้ค่าเช่าที่ลดลง  แต่คาดว่ากำไรจะกลับมาเติบโต YoY ในไตรมาส2/2564  จากฐานต่ำของปีก่อนที่มีสาเหตุมาจากมาตรการภาครัฐในการควบคุมการระบาดของโควิด-19 เรายังคงเรทติ้ง OUTPERFORM สำหรับ BJC ด้วยราคาเป้าหมายอ้างอิงวิธี DCF ที่ปรับใหม่เป็น 40 บาท (จาก 42 บาท)

กำไรสุทธิไตรมาส4/2563 อยู่ที่ 1.4 พันลบ. -45%YoY แต่ +27% QoQ เป็นไปตามคาด หากตัดขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 34 ลบ. ออกไป พบว่า BJC มีกำไรปกติ 1.4 พันลบ. ในไตรมาส4/2563  -44%YoY แต่ +31% QoQ กำไรที่ลดลง YoY ถูกฉุดรั้งโดย SSS ที่หดตัวลง อัตรากำไรขั้นต้นที่แคบลง รายได้ค่าเช่าที่ลดลง และอัตราภาษีที่สูงขึ้น ขณะที่กำไรที่ลดลง QoQ เกิดจากปัจจัยฤดูกาล ทั้งนี้หลังจากจ่ายเงินปันผลงวด 1H63 จำนวน 0.18 บาท/หุ้น BJC ก็ประกาศจ่ายเงินปันผลงวด 2H63 จำนวน 0.6 บาท/หุ้น (XD 29 เม.ย.)

รายได้ลดลง รายได้ 67% ในไตรมาส4/2563เกิดจากกลุ่มสินค้าและบริการทางการค้าปลีกสมัยใหม่ (BIGC, MSC), 15% เกิดจากกลุ่มสินค้าและบริการทางบรรจุภัณฑ์ (PSC), 14% เกิดจากกลุ่มสินค้าและบริการทางอุปโภคบริโภค (CSC), และ 6% เกิดจากกลุ่มสินค้าและบริการทางเวชภัณฑ์และทางเทคนิค (H&TSC) รายได้รวม ลดลง 14% YoY สู่ 3.5 หมื่นลบ. รายได้จากกลุ่ม MSC ลดลง 16% YoY เพราะ SSS ที่หดตัวลง 20.8% YoY (SSS หดตัวลง 24.5% YoY ถ้าไม่รวมยอดขายกลุ่ม B2B) ไปหักล้างประโยชน์จากการขยายสาขา ยอดขายที่ลดลงมีสาเหตุมาจากกำลังซื้อที่อ่อนแอ การขาดหายไปของนักท่องเที่ยวต่างชาติ และมาตรการภาครัฐ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ “ชิม ช้อป ใช้” ในไตรมาส4/2562  อนุญาตให้ร้านค้าปลีกสมัยใหม่เข้าร่วม

ขณะที่มาตรการ “คนละครึ่ง” ในไตรมาส4/2563  อนุญาตให้เฉพาะร้านค้ารายย่อยทั่วไปเข้าร่วม ทั้งนี้ใน ไตรมาส4/2563  BJC ได้เปิดมินิบิ๊กซีทั้งหมด 65 สาขา และเปลี่ยนบิ๊กซีมาร์เก็ตเป็นบิ๊กซีดีโป้ 2 สาขา ส่งผลทำให้บริษัทมีจำนวนสาขาขนาดใหญ่ 152 สาขา ซูเปอร์มาร์เก็ต 61 สาขา มินิบิ๊กซี 1,215 สาขา และร้านขายยาเพรียว 144 สาขา รายได้จากกลุ่ม PSC ลดลง 1% YoY โดยเกิดจากยอดขายบรรจุภัณฑ์แก้วในระดับทรงตัว YoY และยอดขายกระป๋องอลูมิเนียมที่ลดลงเล็กน้อย (-1.5% YoY) รายได้จากกลุ่ม CSC เติบโต 1% YoY เพราะยอดขายกลุ่มธุรกิจด้านการขนส่งที่เพิ่มขึ้นถูกลดทอนด้วยยอดขายกลุ่มธุรกิจต่างประเทศ ยอดขายกลุ่มธุรกิจอาหาร และยอดขายกลุ่มธุรกิจอุปโภคที่ลดลง (-9% YoY)

รายการอื่นๆ อัตรากำไรขั้นต้น ลดลง 30bps YoY สู่ 19.7%อัตรากำไรขั้นต้นลดลงที่กลุ่ม MSC (-40bps YoY) เพราะสัดส่วนยอดขายกลุ่ม B2B ที่ให้อัตรากำไรต่ำเพิ่มขึ้นจาก 5.8% ในไตรมาส4/2562 สู่ 10.6% ใน 4Q63 และสัดส่วนยอดขายสินค้าอุปโภคที่ให้อัตรากำไรสูงลดลงจาก 24% ในไตรมาส4/2562  สู่ 21% ในไตรมาส4/2563 และที่กลุ่ม CSC (-240bps YoY) เพราะต้นทุนน้ำมันปาล์มและน้ำมันมะพร้าวสูงขึ้น และยอดขายกลุ่มธุรกิจด้านการขนส่งซึ่งให้อัตรากำไรต่ำปรับเพิ่มขึ้น อัตรากำไรขั้นต้นที่กลุ่ม PSC เพิ่มขึ้น (+190bps YoY) จากการประหยัดต่อขนาดที่เพิ่มขึ้นจากการผลิตกระป๋องขนาดใหม่ ซึ่งมากเกินพอชดเชยค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงเตาหลอมที่สูงขึ้น

ค่าใช้จ่าย SG&A ลดลง 10% YoY โดยเกิดจากการปรับใช้มาตรฐานบัญชี TFRS 16 และค่าใช้จ่ายพนักงาน ค่าใช้จ่ายส่งเสริมการขาย และค่าสาธารณูปโภคที่ลดลง รายได้อื่น ลดลง 11% YoY (เทียบกับ -22% YoY ในไตรมาส3/2563) เนื่องจากรายได้ค่าเช่าลดลงจากการให้ส่วนลดค่าเช่าเป็นตัวเลขหลักเดียวระดับกลาง YoY แก่ผู้เช่า (เทียบกับการให้ส่วนลดเป็นตัวเลขหลักเดียวระดับสูง YoY ในไตรมาส3/2563 ) และอัตราการเช่าอยู่ที่ 91% (เทียบกับ 95% ในไตรมาส4/2562  และ 91% ใน 3Q63) อัตราภาษี อยู่ที่ 12% (เทียบกับ 0% ในไตรมาส4/2562 และ 11% ในไตรมาส3/2563)

อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิ๊ก https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิ๊ก https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิ๊ก https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิ๊ก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิ๊ก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิ๊ก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิ๊ก https://twitter.com/thunhoon1