ท่ามกลางกระแสความสนใจในการเข้าไปลงทุน เพื่อนำสารสกัดจากกัญชง ซึ่ง  ไม่มีฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาท (CBD) ไปเป็นส่วนผสมกับผลิตภัณฑ์ในอุตสาหกรรม  ต่างๆ กำลังได้รับความสนใจเป็นจำนวนมาก ล่าสุดบริษัท ที.เอ.ซี. คอนซูเมอร์  จำกัด (มหาชน) หรือ TACC ได้ประกาศความร่วมมือกับ บริษัท ไทยคานาเทค  อินโนเวชั่น จำกัด หรือ TCI และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร  เพื่อร่วมกันพัฒนา ผลิตภัณฑ์จากกัญชง

บริษัท  ที.เอ.ซี. คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TACC ประกอบธุรกิจจัดหา ผลิต และ  จำหน่ายเครื่องดื่มประเภทชาและกาแฟ และสินค้าไลฟสไตล์  โดยมีกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ ร่วมพัฒนากับพันธมิตรทางธุรกิจ ได้แก่  เครื่องดื่มในโถกดในร้าน 7-Eleven, เครื่องดื่ม  ปรุงสำเร็จชนิดผงที่จัดจำหน่ายให้กับร้าน All Cafe  และผลิตภัณฑ์ที่ร่วมพัฒนาเพื่อ จำหน่ายเป็นครั้งคราวหรือตามฤดูกาล,  เครื่องกดเครื่องดื่มร้อนแบบอัตโนมัติ และกลุ่ม  ผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายภายใต้ตราสินค้าของบริษัท

สำหรับความร่วมมือครั้งนี้  TACC จะเข้าไปร่วมลงทุนด้วยการถือหุ้นใน TCI สัดส่วน 30% เพื่อความร่วมมือ  ตั้งแต่ธุรกิจต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ซึ่งบริษัท TCI มีจุดเด่น  ในเรื่องความรู้ความเชี่ยวชาญด้านกัญชา-กัญชง มากกว่า 10 ปี  และมีใบอนุญาตใน การปลูกรวมถึงใบอนุญาติสกัดสาร CBD และจำหน่ายกัญชา-กัญชง  เชิงพาณิชย์ โดย TACC ต้องขอใบอนุญาติผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมกัญชง-กัญชา  เพิ่มเติมเท่านั้น โดย TACC จะนำสารสกัดจากกัญชง  ไปเป็นส่วนผสมกับผลิตภัณฑ์ของธุรกิจหลักทั้งกลุ่ม อาหาร และเครื่องดื่ม  รวมไปถึงเครื่องสำอาง ยา และเวชภัณฑ์อื่น ๆ ซึ่งสามารถต่อยอด ธุรกิจเดิมได้

ปัจจุบัน  TACC อยู่ระหว่างการรอความชัดเจนกฎเกณฑ์ของทาง อย. เกี่ยวกับการนำ  สารสกัดจากกัญชงมาใช้ผลิตเป็นอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงผลิตภัณฑ์อื่นๆ  คาดว่าจะ ได้เห็นความชัดเจนในช่วงครึ่งหลังปี 2564  และนำผลิตภัณฑ์สินค้าใหม่เพื่อเตรียมเข้า สู่ตลาด  ซึ่งจะถือได้ว่าเป็นก้าวที่สำคัญที่ TACC เข้าไปสู่ผู้เล่นในตลาด Health  and wellness อย่างเต็มตัว

นอกจากนี้  ทางผู้บริหาร ตั้งเป้าที่จะออกสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาส 1/2564  คาดว่าจะออกสินค้าใหม่ 4 รายการ และการซื้อลิขสิทธิ์คาแรคเตอร์มาบริหาร  คาดว่าจะมีอย่างน้อย 1 รายการ หลังจากล่าสุดบริษัทได้ซื้อและเปิดตัว “Jay  The Rabbit” ซึ่งกลยุทธ์เหล่านี้จะช่วยให้รายได้ปีนี้เติบโตประมาณ 10-15%  จากปีก่อนที่มี รายได้อยู่ที่ 1,318.73 ล้านบาท  รวมถึงมีแผนจะร่วมมือด้านการค้ากับพันธมิตรหลัก  เพื่อขยายช่องทางการจำหน่ายใน Lotus's go fresh ที่มีอยู่กว่า 1,600  สาขาทั่ว ประเทศ

เมื่อภาพความชัดเจนในธุรกิจกัญชง  ด้วยการเริ่มต้นจากการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากกัญชง  ซึ่งน่าจะเป็นสินค้าใหม่ที่จะช่วยสนับสนุนความสามารถใน การสร้างรายได้  และกำไรในอนาคตให้กับ TACC ได้อย่างแน่นอน และสามารถสร้าง  มูลค่าเพิ่มให้กับหุ้นได้เช่นกัน

สรุปว่าในการต่อยอดธุรกิจอย่างต่อเนื่องของ  TACC ประกอบกับการเข้าสู่ธุรกิจกัญชงที่เป็นกระแสในปัจจุบัน  จะผลักดันการเติบโตให้บริษัทอย่างต่อเนื่อง  รวมถึงสร้างมูลค่าให้ราคาหุ้นเกิดการปรับตัวขึ้นด้วยเช่นกัน โชคดีครับ