> Trendtalk > TU

11 มีนาคม 2021 เวลา 06:20 น.

TU

ตลาดหุ้นไทยเมื่อวานปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิคทะลุผ่านแนวต้านสำคัญที่ 1560 จุดขึ้นไป หลังจากปรับตัวลดลงจากแรงขายทำกำไรในระยะสั้น ทำให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 1580 และ 1600 จุด โดยมีแนวรับสำคัญที่ 1550 จุด


สำหรับหุ้นที่น่าสนใจวันนี้ คือ TU หรือ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจผลิตและส่งออกอาหารสำเร็จรูปแช่แข็งและบรรจุกระป๋อง และขยายธุรกิจให้ครบวงจรด้วยธุรกิจอาหารสำเร็จรูปและอาหารว่าง โดยเน้นอาหารทะเล ธุรกิจบรรจุภัณฑ์และสิ่งพิมพ์ ธุรกิจการตลาดภายในประเทศ ธุรกิจอาหารสัตว์ และธุรกิจพัฒนาสายพันธุ์กุ้งเพื่อจำหน่าย


ผลการดำเนินงานปี 63 มีกำไรสุทธิ 6,246 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 1.26 บาท กำไรเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับผลการดำเนินงานปี 62 ที่มีกำไรสุทธิ 3,815 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.80 บาท


นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TU กล่าวว่า วางเป้าหมายเติบโตต่อเนื่องในช่วง 5 ปี (ปี 64-68) เฉลี่ยปีละ 5% จาก 1.32 แสนล้านบาทในปี62 จะเพิ่มเป็น 1.6 แสนล้านบาทภายในปี 68


อย่างไรก็ตาม บริษัทจะเน้นให้ความสำคัญกับกำไรสุทธิมากกว่ารายได้ โดยในปี 64 นี้ตั้งเป้ารักษาอัตรากำไรขั้นต้นที่ 17.5% พร้อมเพิ่มสัดส่วนกำไรจากธุรกิจใหม่ ทั้งผลิตภัณฑ์โปรตีนทางเลือก และธุรกิจส่วนประกอบอาหาร (Ingredients) ที่จะมีมากกว่า 15% ขณะที่สัดส่วนรายได้จะอยู่ที่กว่า 10% ของรายได้รวม


ส่วนงบลงทุนในปีนี้ตั้งไว้ 6-6.5 พันล้านบาท มากกว่าปีก่อนที่ใช้งบลงทุนไปเพียง 3.7 พันล้านบาท โดยแบ่งไปลงทุนในประเทศไทย ที่จะผลิตโปรตีนไฮโดรไลเสท (Protein hydrolysate ) และคอลลาเจนในประเทศไทย วงเงิน 800 ล้านบาท ธุรกิจอาหารสำเร็จ วงเงิน 1,000 ล้านบาทซึ่งคาดเริ่มผลิตและขายในไตรมาส 2/64 ขณะที่ในต่างประเทศจะลงทุนก่อสร้างห้องเย็นใหม่ในประเทศกานาวงเงิน 11 ล้านเหรียญสหรัฐ


และในช่วงปี 65-68 จะมีงบลงทุนปกติปีละ 4.5 พันล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะยังไม่มีการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ เพราะคาดว่าเศรษฐกิจโลกยังต้องใช้เวลาฟื้นตัวอีก 2 ปี แต่บริษัทมีความพร้อมหากมีโอกาสการลงทุนที่ดี โดยขณะนี้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ที่ 0.94 เท่า


บริษัทหันมาเน้นธุรกิจที่ให้อัตรากำไรสูง ได้แก่ ธุรกิจส่วนประกอบอาหาร (Ingredients) และ อาหารเสริม (Supplements)ได้แก่ ทูน่าออยล์ แคลเซียม โปรตีนไฮโดรไลเสท คอลลาเจนเปปไทด์ เป็นต้น โดยปีนี้ตั้งเป้าหมายรายได้ 100 ล้านบาท และคาดว่าภายใน 5 ปีข้างหน้าจะมีรายได้เพิ่มเป็น 1,000 ล้านบาท รวมทั้งผลิตภัณฑ์โปรตีนทางเลือก (Alternative Protein) ซึ่งปีนี้ตั้งเป้ารายได้ 100 ล้านบาท และจะเติบโตเป็น 1,000 ล้านบาทใน 5 ปีข้างหน้าเช่นกัน หลังจากที่บริษัทได้ลงทุนด้านนวัตกรรม (Innovation) มาเป็นเวลา 5 ปีแล้ว


ทั้งนี้ ธุรกิจใหม่ดังกล่าวมีอัตรากำไรขั้นต้นมากกว่า 20% ขณะที่ธุรกิจทูน่ากระป๋องที่เป็นธุรกิจเดิมมีอัตรากำไรขั้นต้น 18% โดยผลิตภัณฑ์โปรตีนทางเลือกจะกระจายการจำหน่ายไปทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยในไทยบริษัทได้ขายสินค้าให้กลุ่ม บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) , ร้านอาหารเอสแอนด์พี (SNP) พร้อมเน้นในกลุ่มประเทศเอเชีย อีกทั้งได้ส่งออกไปเทสโก้ที่อังกฤษและสหรัฐฯ โดยมีทั้งผลิตภัณฑ์จากพืชทดแทนอาหารทะเล เนื้อวัว เนื้อหมู และเนื้อไก่


นอกจากนี้ TU ได้ร่วมมือกับพันธมิตรที่มีความแข็งแกร่งด้านช่องทางจำหน่าย ได้แก่ การร่วมมือกับ บมจ.อินเตอร์ ฟาร์มา (IP) ร่วมทุนผลิตและจำหน่ายอาหารเสริมที่ IP มีความเข้มแข็งด้านช่องทางขายผ่านโรงพยาบาล คาดว่าจะเริ่มผลิตในไตรมาส 2/64, การร่วมทุนกับกลุ่มไทยเบฟ ในการผลิตและจำหน่ายสินค้าเพื่อสุขภาพ ซึ่งไทยเบฟมีความเข้มแข็งช่องทางการขายเช่นกัน คาดจะเริ่มในช่วงครึ่งหลังปี 64


แนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 1/64 คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่อง จากความต้องการสินค้าที่ยังอยู่ในภาวะการระบาดโควิด-19 และทำงานที่บ้าน ขณะที่ราคาทูน่าปรับตัวลงกว่าระดับปกติที่ 1,300-1,350 เหรียญสหรัฐ/ตัน ที่คาดจะได้รับผลดีจากที่จับปลาได้ดีขึ้น จะช่วยลดต้นทุนการผลิตได้ และคาดว่าจะทำให้อัตรากำไรขึ้นต้นเติบโตต่อเนื่องจากปีก่อนเฉลี่ย 17.5% ปัจจุบันมีอัตราการใช้กำลังการผลิต 80%


บริษัทมีแผนจะนำบริษัท ไทยยูเนียน ฟีดมิลล์ (TFM) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ TU ถือหุ้นอยู่ 66.9% ประกอบธุรกิจอาหารสัตว์น้ำในประเทศไทย เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ภายในสิ้นปีนี้


TU มีราคาเป้าหมายเฉลี่ยจาก IAA Consensus อยู่ที่ 18.09 บาท โดยมีราคาเป้าหมายสูงสุดที่ 21.00 บาท และมีราคาเป้าหมายต่ำสุดที่ 14.80 บาท

ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิคหลังจากปรับตัวลดลงไปสร้างฐานที่บริเวณเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน ทำให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 16.00 และ 16.80 เป็นแนวต้านสำคัญ แต่ถ้าปรับตัวลดลงต่ำกว่า 14.00 ลงไป จะเป็นสัญญาณขายทางเทคนิค


สนใจบทความย้อนหลัง และเรื่องราวที่น่าสนใจ สามารถหาดูได้ในเพจ  Trendtalk

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X