ทันหุ้น – MGT ทุ่ม 100 ล้านบาท ทำดีลควบรวมกิจการบริษัทจำหน่ายเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษที่ใช้ผลิตเครื่องสำอาง และอาหารเสริม คาดสรุปในไตรมาส 3/64 พร้อมบุ๊กเงินเข้ากระเป๋าทันที สบช่องกระแสกัญชงแรง เล็งพิจารณาลงทุนเพิ่มมูลค่าสินค้า พร้อมส่งสัญญาณผลงานโค้งแรกสดใส ความต้องการอื้อ ฟากโบรกเคาะเป้าปีนี้ 3.12 บาท

ดร.วิทยา อินาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมกาเคม (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ MGT เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนควบรวมกิจการ (M&A) กับบริษัทที่จำหน่ายเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษที่ใช้ผลิตเครื่องสำอางและอาหารเสริม โดยบริษัทใช้เวลาศึกษาแผนการลงทุนมาระยะหนึ่ง และเตรียมเข้าทำรายการ โดยคาดจะเห็นการซื้อกิจการได้ประมาณไตรมาส 3/2564 และจะเริ่มรับรู้รายได้จาการ M&A เข้ามาภายในไตรมาส 4/2564 หากทุกอย่างเป็นไปตามแผน

ทุ่มงบลงทุน100ล.

ทั้งนี้การทำดีล M&A คาดจะใช้เงินราว 100 กว่าล้านบาท โดยบริษัทจะ M&A ในสัดส่วนไม่เกิน 55% ซึ่งบริษัทที่ MGT จะเข้า M&A นั้นมียอดขายเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ 150-200 ล้านบาท และมีกำไรอยู่ที่ระดับหลักสิบล้านบาท อย่างไรก็ดีการทำ M&A ครั้งนี้จะช่วยสนับสนุนยอดขายการจำหน่ายเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษที่ใช้ผลิตเครื่องสำอาง และอาหารเสริมเติบโตเพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทมีสัดส่วนยอดขายในกลุ่มดังกล่าวต่ำมาก

นอกจากนี้บริษัทได้เล็งเห็นโอกาสการเติบโตและการขยายโอกาสทางทุกอย่างไปแนวอื่นอีกด้วย เช่น ปัจจุบันกระแสกัญชงมาแรง บริษัทอาจจะพิจารณาการลงทุนเพื่อต่อยอดสินค้าให้มีมูลค่าสูงขึ้น

สำหรับทิศทางธุรกิจและผลประกอบการไตรมาส 1/2564 บริษัทคาดว่าจะเติบโตได้ตามเป้าหมาย เพราะยังมีคำสั่งซื้อ (ออเดอร์)จากลูกค้าในประเทศและต่างประเทศเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดย 2 เดือนแรกมียอดขายเติบโตสูงกว่าช่วงเดียวกันกับปีก่อน

ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2564 เพิ่มขึ้นแตะ 960 ล้านบาท ซึ่งเติบโตจากบริษัทใหญ่ คือ บริษัท เมกาเคม (ประเทศไทย) และบริษัทย่อย คือ บริษัท เมกาเคมพลัส ประกอบกับบริษัทจะผลักดันอัตรากำไรปี 2564 ให้เติบโตเพิ่มขึ้นจากปี 2563 โดยส่วนหนึ่งมาจากราคาต้นทุนที่ลดลง หลังจากค่าเงินบาทแข็งค่า และส่งผลดีต่อการนำเข้าเคมีภัณฑ์มาจำหน่ายในประเทศ

ยอดขายพุ่งขึ้น

สำหรับทิศทางภาพรวมในปี 2564 บริษัทคาดว่าจะยังเติบโตไปได้ ตามความต้องการเคมีภัณฑ์ที่จะใช้ในทุกๆอุตสาหกรรม ซึ่งเดือนมกราคมที่ผ่านมาหากเทียบกับปี 2563 คาดยอดขายจะเติบโตค่อนข้างดี จากลูกค้าที่กลับมาผลิตและขายสินค้าในระดับปกติ โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ซึ่งมีคำสั่งซื้อ(ออเดอร์) เข้ามาจำนวนมาก อนึ่งปี 2563 บริษัทมียอดขายที่ 756.16 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 99.68 ล้านบาท

ขณะที่ภาพการนำเข้า ส่งออกสินค้า ปัจจุบันหาพื้นที่หรือตู้คอนเทรนเนอร์ยากกว่าที่ผ่านมา ทำให้บริษัทต้องสต็อกสินค้าไว้รองรับการผลิต โดยในประเทศบริษัทสต็อกวัตถุดิบ 1 เดือน ส่วนสินค้าที่ขายให้กับลูกค้าต่างประเทศ บริษัทจะสต็อกยาวไปถึง 2-3 เดือน ทั้งนี้บริษัทตั้งบลงทุนไว้ที่ 30 ล้านบาท เพื่อสร้างคลังสินค้าสำหรับจัดเก็บเคมีภัณฑ์อันตราย คาดจะใช้เวลาก่อสร้างราว 6-7 เดือน และคาดจะให้บริการลูกค้าได้ประมาณไตรมาส 3/2564

ยิลด์สูง 2.9%

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แนวโน้มผลประกอบการปี 2564 เติบโตต่อเนื่อง จากคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นตามทิศทางอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ฟื้นตัว ประกอบกับ บ.ย่อย Megachem Plus ได้ประโยชน์จาก New Normal ส่งผลให้ความต้องการใช้เคมีภัณฑ์ประเภทเอทานอลเพื่อผลิตเจลแอลกอฮอล์ที่มีเข้ามาต่อเนื่อง ในส่วนของการลงทุนในโครงการ Expanded Graphite ที่ร่วมกับพันธมิตรญี่ปุ่น คาดว่าจะสามารถทำ Lab Test ได้ในเดือนมี.ค.นี้ (ยังไม่รวมในประมาณการ) ส่งผลให้เราประมาณการรายได้และกำไรสุทธิปี 2564 ที่ระดับ 823.4 ล้านบาท +10.1%YoY และ 105.9 ล้านบาท +6.3%YoY ตามลำดับ

ประเมินราคาเหมาะสมอิงค่าเฉลี่ย PER ที่ 12 เท่า ได้ราคาเหมาะสมปี 2564ที่ 3.12 บาท โดยมี Upside จากปัจจุบันราว 27.9% คงคำแนะนำ ซื้อ ล่าสุดบริษัทประกาศจ่ายปันผล 0.07 บาท/หุ้น คิดเป็น Dividend Yield ราว 2.9% (XD: 5/5/21)

อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิ๊ก https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิ๊ก https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิ๊ก https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิ๊ก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิ๊ก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิ๊ก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิ๊ก https://twitter.com/thunhoon1