ตลาดหุ้นไทยเมื่อวานปรับตัวเพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่องทะลุผ่านแนวต้านที่ 1585 จุดขึ้นไป ทำให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปเคลื่อนไหวเหนือระดับ 1600 จุด และมีเป้าหมายในการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปที่ 1650 จุด โดยมีแนวรับสำคัญที่ 1550 จุด

สำหรับหุ้นที่น่าสนใจวันนี้ คือ BJC หรือ บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจ1.กลุ่มสินค้าและบริการทางการค้าปลีกสมัยใหม่  2. กลุ่มสินค้าและบริการทางบรรจุภัณฑ์ 3. กลุ่มสินค้าและบริการทางอุปโภคบริโภค 4. กลุ่มสินค้าและบริการทางเวชภัณฑ์และทางเทคนิค 5.กลุ่มธุรกิจอื่นๆ

ผลการดำเนินงานปี 63 มีกำไรสุทธิ 4,001 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 1.00 บาท กำไรลดลง เมื่อเทียบกับผลการดำเนินงานปี 62 ที่มีกำไรสุทธิ 7,278 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 1.82 บาท

นางสาวรวิภา บุญอยู่ นักลงทุนสัมพันธ์อาวุโส บมจ.เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ (BJC) เปิดเผยแผนการดำเนินงานปี 64 ว่า บริษัทคาดว่ารายได้จะเติบโตหลักเดียว Low to mid single digit ตามการเติบโตของกลุ่มแพ็คเกจจิ้ง ซึ่งในกลุ่มขวดแก้วจะมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ออกมา และจับกลุ่มลูกค้าใหม่อย่างฟังก์ชั่นนัลดริงก์ที่ได้รับความนิยมสูงขึ้น ส่วนธุรกิจกระป๋องสินค้าใหม่ได้รับผลตอบรับจากตลาดค่อนข้างดี

ส่วนธุรกิจขนมขบเคี้ยว แม้ว่าปี 63 จะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 แต่ปีนี้น่าจะฟื้นตัวได้ ขณะที่ธุรกิจกระดาษทิชชู โรงงานในประเทศไทยได้มีการเพิ่มการผลิตอีก 50% จาก 4.6 หมื่นตัน/ปี เป็นเกือบ 7 หมื่นตัน/ปี คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 2/64 เครื่องจักรใหม่ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตด้วย ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาพรวมธุรกิจทิชชูในปีนี้

ขณะที่กลุ่มสินค้าสุขอนามัย (Healthcare and Technical Supply Chain) คาดว่าเติบโตที่ 5-9% (Mid to high single digit) เนื่องจากงบประมาณของทางภาครัฐมีการเบิกจ่ายแล้ว ซึ่งส่งผลดีต่อสินค้ากลุ่มนี้ และสำหรัลกลุ่ม Technical เมื่อสถานการณ์โควิดทำให้สามารถเริ่มเข้าไปติดตั้งอุปกรณ์ และเจรจากับลูกค้าได้มากขึ้น ทำให้เริ่มเป็นการฟื้นตัวที่ดีขึ้น

สำหรับกลุ่มธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่คาดว่าเห็นการเติบโตในลักษณะ Low to mid single digit โดยขึ้นอยู่กับการกลับมาของกำลังซื้อและภาคการท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม ทางบิ๊กซีมีความพยายามผลักดันอัตรากำไรให้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งการนำระบบวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าเข้ามาใช้ การพัฒนาสินค้าให้ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากขึ้น รวมทั้งควบคุมค่าใช้จ่ายต่าง ๆ

บริษัทตั้งงบลงทุนปี 64 อยู่ที่ 7,000-8,000 ล้านบาท โดยจะใช้ลงทุนในกิจการของบิ๊กซีเป็นหลัก 60% เนื่องมีแผนจะเปิดสาขาใหม่ 102 สาขา ซึ่งจะเป็น บิ๊กซี ไฮเปอร์มาร์เก็ต 2 สาขา และมินิบิ๊กซี เพิ่มอีก 100 สาขา รวมทั้งจะปรับเปลี่ยนสาขาเดิม 14 สาขา ไปเป็นบิ๊กซี Food Place 4 สาขา และบิ๊กซี Depot 10 สาขา เป็นร้านค้ารูปแบบใหม่ที่จะตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่ม B2B

ในปี 63 บิ๊กซีมีการเปิด บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ 1 สาขา ฟู้ดเพลส 2 สาขา มินิบิ๊กซี 220 สาขา และร้านขายยาเพียว 3 สาขา ส่งผลให้สิ้นปี 63 มีช่องทางการค้าปลีกมากกว่า 1,500 สาขาทั่วประเทศ นอกจากนั่น ยังมีการปรับปรุงสาขาให้พรีเมียมมากขึ้นเพื่อเพิ่มยอดขายและอัตรากำไรn รวมถึงมีการพัฒนาการเข้าถึงข้อมูลลูกค้ารายบุคคลให้มากขึ้นเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าให้ตรงจุดมากที่สุด

BJC มีราคาเป้าหมายเฉลี่ยจาก IAA Consensus อยู่ที่ 41.38 บาท โดยมีราคาเป้าหมายสูงสุดที่ 47.00 บาท และมีราคาเป้าหมายต่ำสุดที่ 35.00 บาท

ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิค หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นไปเคลื่อนไหวเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน และเส้นแนวโน้มขาลง ทำให้แนวโน้มของราคาหุ้นยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 42.00 และ 45.00 ตามกรอบแนวโน้มขาขึ้น แต่มีแนวรับสำคัญที่ 36.50 ถ้าหลุดจะเป็นสัญญาณขายหุ้นออกไปก่อน

สนใจบทความย้อนหลัง และเรื่องราวที่น่าสนใจ สามารถหาดูได้ในเพจ Trendtalk