ทันหุ้น—BJC ชี้กำลังซื้อต่างจังหวัดยังดี รับโควิดรอบใหม่กระทบสาขากรุงเทพ-ปริมณฑล และกลุ่มค้าปลีกโดยรวม วางงบลงทุนปีนี้ 3-4 พันล้านบาท ขยายสาขาตามแผน ฟากโบรกมอง SSSG พลิกบวก คาดแนวโน้มเริ่มฟื้นตัวขึ้นในช่วง ไตรมาส 2/2564รุกช่องทางออนไลน์ เคาะเป้าหมาย 47 บาท

นายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC เปิดเผยว่า สำหรับสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 รอบใหม่อาจมีผลกระทบกระจุกในสาขา บิ๊กซี(Big C) เขตกรุงเทพฯและปริมณฑลเพราะมีการระบาดจำนวนมาก แต่ในส่วนสาขาบิ๊กซีในสาขาต่างจังหวัดยังไปได้ดี กำลังซื้อยังอยู่ในระดับที่ดี โดยเฉพาะในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพราะกำลังซื้อยังไม่ได้รับผลกระทบ อีกทั้งสินค้าในบิ๊กซีที่จำหน่ายอยู่เป็นสินค้าจำเป็นในการดำรงชีวิต ที่มีการใช้งานจริงทำให้ยังมีความต้องการอยู่ และบริษัทได้มีการใช้มาตรการควบคุม สถานการณ์โควิด-19 อย่างดีต่อเนื่อง นับตั้งที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่ทั้งนี้หากจะประเมินผลประทบที่เกิดขึ้นในช่วงไตรมาส 2/2564 ยังไม่สามารถประเมินได้ เพราะยังเร็วเกินไป

"กำลังซื้อตอนนี้ต้องยอมรับว่าได้รับผลกระทบในส่วนกรุงเทพและปริมณฑล จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 รอบใหม่ แต่ในต่างจังหวัดยังไม่ได้รับผลกระทบ สินค้าของในบิ๊กซี ก็ยังเป็นสินค้าจำเป็น ฐานลูกค้าต่างจังหวัดก็มีอยู่มาก แต่บริษัทก็จะรอติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดหลังสงกรานต์ว่าจะเป็นอย่างไร และผลกระทบช่วงไตรมาส 2/64 จะเป็นอย่างไร เพราะก็ถือว่าเป็นสถานการณ์ที่มาฉุดกลุ่มค้าปลีก นอกจากนี้ก็ยังมีการขยายช่องทางออนไลน์ด้วย" นายอัศวิน กล่าว

จัด4พันล.ขยายสาขา

ขณะที่แผนการขยายสาขายังยืนยันตามแผนเดิมที่จะใช้งบลงทุนราว 3,000-4,000 ล้านบาท เพื่อที่จะขยายสาขาใหม่ 102 สาขา แบ่งเป็น บิ๊กซี ไฮเปอร์มาร์เก็ต 2 สาขา และมินิบิ๊กซี เพิ่มอีก 100 สาขา รวมทั้งจะปรับเปลี่ยนสาขาเดิม 14 สาขา ไปเป็นบิ๊กซี Food Place 4 สาขา และบิ๊กซี Depot 10 สาขา เป็นร้านค้ารูปแบบใหม่ที่จะตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่ม B2B มากขึ้น

บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า(ประเทศไทย) จำกัด ระบุถึง BJC ว่าธุรกิจค้าปลีกในปี 2564 บริษัทมีแผนเพิ่มสาขา Hypermarket 2 แห่ง และ Mini Bigc 100 สาขา ขณะเดียวกัน บริษัทได้มีการปรับเปลี่ยน Renovate ประเภทของสาขา ให้เข้ากับคนในพื้นที่ที่มีความหลากหลาย เพื่อสนองตอบต่อความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุด รวมถึงการยกระดับบางสาขาไปยังกลุ่มลูกค้าระดับกลาง-บน มากขึ้น โดยเน้นเพิ่มสินค้าที่มีมาร์จิ้นดีที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าอาหารสด แม้ว่า SSSG ในเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ จะเห็นผลกระทบจาก การระบาดของ COVID-19 รอบที่ 2 ที่คาดยังเห็น SSSG เป็นลบ-15%ถึง -20%

SSSG ปี64 พลิกพวก

อย่างไรก็ดีคาดประเด็นบวกจะเกิดขึ้นหลังการนำวัคซีนมาใช้ได้ผล ต่อเนื่องไปยังการคาดหมายธุรกิจท่องเที่ยวมีการฟื้นตัว ประกอบกับการปรับกลยุทธ์เข้าใกล้กลุ่มลูกค้าด้วยการปรับเปลี่ยนโครงสร้างของสาขา จะช่วยเพิ่มกำลังซื้อในอนาคต โดยบริษัทคาด SSSG ของปี 2564 จะพลิกกลับมาเป็นบวก แนะนำ “ซื้อ” แม้ว่าใน ไตรมาส 1/2564อาจยังเห็นผลกระทบที่ต่อเนื่องจาก COVID-19 รอบที่ 2 อย่างไรก็ดีคาดแนวโน้มจะเริ่มฟื้นตัวขึ้นในช่วงไตรมาส 2/2564 นอกเหนือจากฐานต่ำ การระบาด COVID-19ที่คลี่คลายรวมถึงการมีวัคซีน แนวโน้มที่จะกลับมาของนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศอาจเกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง 2564

ทั้งนี้บริษัทคาดเห็นการเติบโตโดยรวมของธุรกิจอยู่ในระดับ 2-5% และระดับมาร์จิ้นที่ปรับเพิ่มโดยเฉลี่ย 50 bps ซึ่งเป็นการฟื้นตัวของทุกธุรกิจ พร้อมการปรับเปลี่ยนเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายผ่าน Online และการขายผ่าน Omni Channel เพิ่ม ซึ่งค่อนข้างได้รับการตอบรับดีโดยบริษัทอยู่ระหว่างพัฒนาช่องทางอื่น ราคาเหมาะสมปี 2564 ที่ 47 บาท(DCF)

อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิก https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิก https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1