> SET > BCH

30 พฤษภาคม 2021 เวลา 12:16 น.

2 โบรกฯ อัพเป้า BCH รับอานิสงส์โควิด-19

ทันหุ้น - บล.กสิกรไทย ออกบทวิเคราะห์ หุ้น บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH คงคำแนะนำ “ซื้อ” ด้วยราคาเป้าหมายใหม่กลางปี 2565 ที่ 22.50 บาท (เพิ่มขึ้นจาก 22.20 บาท) จากการปรับเพิ่มประมาณการรายได้ ผู้บริหารคงมุมมองบวกต่อโมเมนตัมรายได้จากโควิด-19 และตั้งเป้าเพิ่มบริการที่เกี่ยวเนื่องกับโควิด-19 มากขึ้น การปรับเพิ่มประมาณการสะท้อนถึงจำนวนเคสตรวจโควิด-19 ที่มากขึ้นและการปรับเพิ่มค่ารักษาโควิด UCEP อีก 25% และยังคงมี upside risk จากวัคซีนทางเลือก


ทั้งนี้ ผู้บริหารตั้งเป้าจำนวนเคสตรวจโควิด-19 ที่ 500,000 เคส ในไตรมาส 2/2564 เทียบกับที่ 128,000 เคส ในไตรมาส 1/2564 ฝ่ายวิจัยมีสมมติฐานจำนวนเคสตรวจหาเชื้อโควิด-19 จะอยู่ที่ 500,000 เคส ในไตรมาส 2/2564 ซึ่งคาดว่า BCH จะบรรลุเป้าที่ตั้งไว้ เพราะจำนวนเคสตรวจหาเชื้อโควิด-19 อยู่ที่ 307,000 ระหว่างวันที่ 1 เม.ย.-24 พ.ค.2564 แล้วและมียอด backlog สำหรับการตรวจหาเชื้อเชิงรุกอีก 100,000 เคส หลังวันที่ 24 พ.ค.2564 อีกทั้งคลัสเตอร์ใหม่ที่ยังเพิ่มขึ้น อย่างต่อเนื่องในกรุงเทพฯ ขณะที่ผู้บริหารคาดว่าอุปสงค์จะยังแข็งแกร่งหลังไตรมาส 2/2564 แต่ฝ่ายวิจัยคาดจำนวนเคสตรวจหาเชื้อโควิด-19 จะอยู่ที่ 300,000 เคส ในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 เนื่องจากมีความคืบหน้าของการฉีดวัคซีน


ปรับเพิ่มค่ารักษาโควดิ -19 ภายใต้โครงการ UCEP ในการประชุมนักวิเคราะห์ ผู้บริหารกล่าวว่ามีความเป็นไปได้ที่รัฐบาลจะเพิ่มอัตราค่ารักษาผู้ป่วยในโควิดภายใต้โครงการ UCEP ขึ้นเฉลี่ยที่ 25% จากอัตราปัจจุบัน ซึ่งจะมีผลย้อนหลังด้วย ปัจจุบันรอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีก่อนที่จะประกาศบังคับใช้ โดยเชื่อว่าการปรับเพิ่มอัตราค่ารักษาดังกล่าวของภาครัฐจะกระตุ้นให้โรงพยาบาลเอกชนรับรักษาเคสรุนแรงมากขึ้น เพื่อลดความหนาแน่นในโรงพยาบาลรัฐ BCH มีผู้ป่วยหนัก 57% ของจำนวนเตียงผู้ป่วยโควิด-19 รวมที่ 927 เตียง


วัคซีนทางเลือกจะเริ่มส่งมอบในช่วงปลายไตรมาส 3/2564 ผู้บริหารคาดว่าจะมีการกำหนดราคาขายวัคซีนทางเลือกในสัปดาห์หน้า แม้ผู้บริหารไม่เปิดเผยถึงจำนวนยอดสั่งซื้อ แต่กล่าวว่าการสำรวจในช่วง 2 วันที่ผ่านมาสะท้อนถึงอุปสงค์ที่ 100,000 โดส/วัน และจากการสำรวจในอดีตมีอุปสงค์ที่ 2 ล้านโดส ส่วนทิศทางของวัคซีนทางเลือกหลังปี 2564 ยังไม่มีความแน่ชัด หากมีการใช้วัคซีนยังคงอยู่บนสถานการณ์ฉุกเฉินเร่งด่วน โรงพยาบาลเอกชนจะยังต้องสั่งวัคซีนผ่านองค์การเภสัชกรรมเท่านั้น


เปิดตัวบริการวัคซีนและโควิด-19 ใหม่ ผู้บริหารกล่าวว่า BCH ให้บริการฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาลที่ 100-150 บาท/เข็ม กับทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ซึ่งได้รับการจัดสรรวัคซีนแล้วจากรัฐบาล ขณะเดียวกัน BCH จะมีบริการตรวจหาแอนติบอดี้ (800-900 บาท/เทส) เพื่อตรวจหาระดับภูมิคุ้มกันหลังฉีดวัคซีนซึ่ง เป็นบริการที่ต้องชำระเงินเอง ฝ่ายวิจัยยังไม่รวมรายได้ดังกล่าวอย่างมีนัยสำคัญจากบริการดังกล่าวในประมาณการ


ปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2564 ฝ่ายวิจัยปรับเพิ่มประมาณการกำไรปกติปี 2564 ขึ้น 12% เพื่อสะท้อนจำนวนเคสตรวจหาเชื้อโควิด-19 ที่้เพิ่มขึ้น และการปรับเพิ่มค่าตรวจโควิด-19 ในโครงการ UCEP ขึ้น 25% ในประมาณการ ขณะที่คงประมาณการกำไรปี 2565-66 ไว้ตามเดิม ทั้งนี้ รวมวัคซีนทางเลือกในประมาณการแล้ว โดยคาดว่ากำไรปกติจะเติบโตขึ้น 58% ในปี 2564 ก่อนที่จะลดลง 38% ในปี 2565 และกลับมาเติบโตอีกครั้งที่ 20% ในปี 2566


การวิเคราะห์ความอ่อนไหว หากไม่รวมการปรับเพิ่มค่ารักษาโควิด-19 ของโครงการ UCEP  จะมี downside risk ที่ 7% ต่อกำไรปกติปี 2564 แต่ไม่ส่งผลกระทบที่มีนัยสำคัญต่อมูลค่าหุ้น ขณะที่ฝ่ายวิจัยตั้งสมมติฐานว่าจำนวนวัคซีนทางเลือกจะอยู่ที่ 200,000 โดส ในปี 2564 และจะเหลือ 50% ของตัวเลขดังกล่าวหลังปี 2564 โดยจำนวนโดสที่เพิ่มขึ้นทุก 200,000 โดส จะเพิ่ม upside risk ต่อประมาณการกำไรปกติในปี 2564-66 ของฝ่ายวิจัยที่ 8% 6% และ 5% ตามลำดับและเพิ่ม upside ที่ 3% ต่อมูลค่าหุ้นที่ 22.50 บาท


ฝ่ายวิจัยคำนวณมูลค่าหุ้น BCH ด้วยวิธี DCF และ WACC ที่ 7.7% ราคาเป้าหมายกลางปี 2565 ที่ 22.50 บาท สะท้อน PER ที่ 44.3 เท่า ในปี 2565 และ 36.8 เท่า ในปี 2566 ซึ่งใกล้เคียงกับที่ 2SD (44.4 เท่า) และ 1SD (35.8 เท่า) มากกว่าระดับเฉลี่ย 11 ปี และสะท้อนอัตราตอบแทนเงินปันผลที่ 1.8% ในปี 2564


แนะนำซื้อ BCH จากการเป็นโรงพยาบาลที่จะได้ประโยชน์มากที่สุดจากวิกฤติโควิด-19 ระลอกสาม ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อยืนยันยังอยู่ในระดับสูง ซึ่งจะกระตุ้นอุปสงค์ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ นอกจากนี้ โรงพยาบาลแห่งใหม่ยังกระแสรายได้ที่ดีจากโควิด-19 ซึ่งลดแรงกดดันต่อกำไรสุทธิ ปัจจัยเสี่ยงต่อคำแนะนำของเรา คือ 1) จำนวนเคสจากระบบเฝ้าระวังและการค้นหาเชิงรุกที่ลดลงมาต่ำกว่า 1,000 เคส ในเดือน มิ.ย. 2) ไม่มีการปรับขึ้นค่ารักษาในโครงการ UCEP และ 3) รายได้ รพ. ปกติ ที่ฟื้นตัวช้ากว่าคาด



ด้าน บล.ทรีนีตี้ ส่อง BCH คาด Q2/64 เติบโตทั้ง QoQ และ YoY  รายได้จาก COVID-19 Related ช่วยลดความผันผวนของรายได้หลังจากที่คนไข้ต่างชาติไม่สามารถเดินทางมารับการรักษาได้ และ Q2/64 คาดผลประกอบการจะสูงขึ้น QoQ และ YoY จาก COVID-19 Related และการรับฉีด Vaccine ทั้งนี้ จำนวนการตรวจเชื้อ COVID-19 ในช่วง Q2/64 คาดอยู่ที่ 5 แสนราย จาก 1.2 แสนรายใน Q1/64  ปรับคาดการณ์รายได้ขึ้น 4.7% เป็น 9.67 พันล้านบาท และปรับกำไรสุทธิขึ้น 15.3% เป็น 1.53 พันล้านบาท คิดเป็นการเติบโตที่ 24.8% YoY  และยังคงแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมายใหม่ ที่ 22.80 บาท (จาก 19.60 บาท) บาท/หุ้น อิง WACC ที่ 7%


ทั้งนี้ BCH รายงานรายได้รวมใน Q1/64 ที่ 2.31 พันล้านบาท ปรับตัวสูงขึ้น 6.4% YoY โดยที่เป็นรายได้จากการดำเนินปกติที่ 1.82 พันล้านบาท และรายได้ที่เกี่ยวกับ COVID-19 ที่ 312.66 ล้านบาท และรายได้จาก AQH&AHQ ที่ 183 ล้านบาท โดย EBITDA Margin อยู่ที่ 29% ปรับตัวสูงขึ้นจาก 25.7% ใน Q1/63 จำนวนผู้ประกันตนปรับตัวสูงขึ้นเพียง 0.4% YoY จากสู่ระดับ 8.89 แสนราย QTD ในช่วง Q2/64 BCH รับตรวจเชื้อ COVID-19 ไปแล้ว 3.1 แสนราย โดยเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 6,000 ราย และมี Capacity ในการรับตรวจที่ 12,000 ราย/วัน ปัจจุบันกลุ่ม BCH มีจำนวนเตียงที่รับผู้ป่วย COVID-19 ที่ 927 เตียงในโรงพยาบาล ซึ่งรับผู้ป่วยเต็ม Capacityแล้ว และยังมีเตียงจาก Hospitel อีก 3,400 เตียง มีอัตราครองเตียงที่ 40-50% 


การระบาดรอบ 3 ของ COVID-19 ชดเชยรายได้ของกลุ่มผู้ป่วย IPD ปรับเพิ่มรายได้ปี 2564 ขึ้น 4.7% เป็น 9.67 พันล้านบาท โดยที่ใน Q1/64 มีรายได้นับเป็น 24% ของที่คาดการณ์ และปรับกำไรสุทธิขึ้น 15% เป็น 1.53 พันล้านบาท เนื่องจากมี EBITDA Margin ที่สูงขึ้นใน Q1/64 และคาดว่าจะสามารถรักษาได้ต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปี นอกจากนี้ การให้บริการ Vaccine ป้องกัน COVID-19 ทางเลือกที่คาดว่าจะสามารถให้บริการได้ในช่วง Q3-Q4/64 จะมาช่วยเพิ่มฐานรายได้ให้แกร่งขึ้น 


จากการสำรวจ คาดว่ากลุ่ม BCH จะให้บริการที่ 2 ล้านโดส การให้บริการโรงพยาบาลใหม่ 2 แห่งในปี 2564 ได้แก่ โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ปราจีนบุรี ที่เปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2564 ได้มีจำนวนผู้ประกันตนแล้ว 1.4 หมื่นราย และคาดว่าในปี 2564 จะสามารถปรับเพิ่มถึง 1 แสนราย และ โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล เวียงจันทน์ ที่คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการใน Q3/64 เลื่อนมาจาก Q2/64 จะช่วยหนุนการเติบโตของรายได้ Double Digits  


ยังคงแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมายใหม่ 22.80 บาท (จาก 19.60 บาท)  โดยฝ่ายวิจัยคาดกำไรจะมีการเติบโตที่ 24.8% YoY จาก 1) Upside จากการรับตรวจเชื้อ COVID-19 ที่สูงขึ้น และการรับฉีดวัคซีน 2) คาดปี 2564 โรงพยาบาลเกษมราษฎ์รามคำแหงจะมีกำไรเป็นบวกเป็นปีแรก และมีโอกาสที่ โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ปราจีนบุรี จะสามารถมีกำไรตั้งแต่เปิดดำเนินการในปีแรก 


อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิก
https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิก
https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิก
https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิก
https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิก
https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิก
https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิก
https://twitter.com/thunhoon1

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X