เกิดสัญญาณบวกในหุ้นกลุ่มค้าปลีก หลังจากที่ปรับตัวร่วงหนักรับการมาเยือนการระบาดรอบใหม่ของโควิด-19 ตั้งแต่เดือน เม.ย. ลากยาวมาถึงเดือน พ.ค. 64 โดยหุ้นค้าปลีกที่เป็นตัวชูของกลุ่ม ได้แก่ BJC, CPALL และ CRC พร้อมใจกันปรับตัวลงกันยกแผง เพราะการระบาดรอบล่าสุดนี้ นำไปสู่การจำกัดเวลาให้บริการ สำหรับร้านค้า-ร้านสะดวกซื้อ และมาตรการที่เข้มงวดขึ้น อย่างการให้งดรับประทานอาหารในร้าน สำหรับจังหวัดซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงต่อการระบาด ทำให้เกิดแรงเทขายหุ้นทั้ง 3 ตัว ส่งผลให้ราคาปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง

ถึงแม้ว่าตอนนี้ สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ยังไม่ดีขึ้น แต่การกระจายวัคซีนที่เริ่มให้บริการอย่างค่อยเป็นค่อยไป กลับทำให้นักลงทุนเกิดความหวังที่จะเห็นการให้บริการเต็มรูปแบบมากขึ้น สำหรับร้านค้า ร้านสะดวกซื้อและร้านอาหาร จากประเด็นนี้เอง ทำให้ราคาหุ้นกลุ่มค้าปลีกหยุดการไหลลงพ่วงด้วยสัญญาณจากภาครัฐ เกี่ยวกับการออกมาตรการเยียวยาโควิด-19 ส่งผลให้หุ้นกลุ่มค้าปลีกมีความน่าสนใจขึ้น

ล่าสุด (1 มิ.ย. 64) ก็มีความคืบหน้าเกี่ยวกับมาตรการเยียวยาโควิด-19 เพิ่มเติม หลังจากที่ได้อนุมัติหลักการไปแล้วเมื่อวันที่ 5 พ.ค. 64 โดยแบ่งออกเป็น 4 โครงการ ดังนี้

1. โครงการเติมเงินให้ผู้มีรายได้น้อยที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐกำหนดผู้ได้รับสิทธิจำนวน 13.65 ล้านคน โดยให้เงินเพิ่มเดือนละ 200 บาท ระยะเวลา 6 เดือน

2. โครงการเติมเงินให้ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ที่เป็นผู้ไม่มีสมาร์ทโฟนซึ่งเคยเข้าร่วมโครงการเราชนะ รวมทั้งกลุ่มผู้พิการและผู้สูงอายุ หรือกลุ่มเปราะบาง กำหนดผู้ได้รับสิทธิ 2.5 ล้านคน เดือนละ 200 บาท ระยะเวลา 6 เดือน

3. โครงการคนละครึ่งเฟส 3กำหนดผู้ได้รับสิทธิ 31 ล้านคน แบ่งเป็นกลุ่มที่ได้สิทธิคนละครึ่งเฟส 1 และคนละครึ่งเฟส 2 มาแล้ว 15 ล้านคน และผู้ลงทะเบียนคนละครึ่งเฟส3 รายใหม่ อีก 16 ล้านคน ให้สิทธิรวม 3,000 บาท แบ่งเป็น 2 ช่วง ช่วงแรก ก.ค.-ก.ย. 64 ใช้สิทธิได้ 1,500 บาท  และ ต.ค.-ธ.ค. 64 ใช้สิทธิได้อีก 1,500 บาท

4. โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้กลุ่มเป้าหมายรับสิทธิ 4 ล้านคน เปิดลงทะเบียนผ่าน www.ยิ่งใช้ยิ่งได้.com ในการรับสิทธิใช้ E- voucher จ่ายค่าสินค้า อาหาร ค่าเครื่องดื่ม และค่าบริการ ยกเว้น ลอตเตอรี่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบ น้ำมันและก๊าซสำหรับยานพาหนะ ค่าบริการนำเที่ยว ค่าที่พัก และค่าตั๋วเครื่องบิน ในอัตรา 10-15% สูงสุดไม่เกิน 7,000 บาทต่อคน

ทั้งนี้ 4 โครงการดังกล่าวได้เข้าสู่ที่ประชุม ครม. วันอังคารที่ 1 มิ.ย. 64 และมีการลงมติเห็นชอบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำให้เรามีมุมมองเป็นบวกต่อกลุ่มค้าปลีกมากขึ้น โดยมุ่งเน้นไปที่ CPALL หรือ บมจ.ซีพี ออลล์ ซึ่งมีสัญญาณซื้อเข้ามาตั้งแต่วันที่ 27 พ.ค. 64 และราคามีการทะลุ Gap แนวต้านบริเวณ 60 บาทขึ้นมา พร้อมวอลุ่มซื้อขายจำนวนมาก คำถามคือ จังหวะนี้เข้า Long ได้หรือไม่?

ทางเทคนิค เราสังเกตเห็นการลงเพื่อทดสอบแนวรับ 59 บาท แล้วกลับขึ้นมาซื้อขายเหนือ 60 บาทอีกครั้ง จุดนี้สามารถหาโอกาสเข้า Long ได้ในโซน 59-61 บาท โดยกำหนดให้จุด Stop Loss บริเวณ 58 บาท และเป้าหมายทำกำไรที่ 62-63 บาท

นอกเหนือจาก CPALL แล้ว เรายังมีทางเลือกอื่นในการเปิดสถานะ Long อีก ได้แก่ BJC ที่ค่อนข้าง Laggard ตัวของ CPALL และ CRC ที่กำลังจะเข้ามาให้บริการซื้อขาย Single Stock Futures ในวันที่ 7 มิ.ย. 64 นี้แต่ก่อนจะเปิดสถานะใดๆ ก็ต้องไม่ลืมที่จะวิเคราะห์ทั้งปัจจัยพื้นฐาน และปัจจัยทางเทคนิค เพื่อวางแผนซื้อขายให้ปลอดภัย และทำกำไรได้สม่ำเสมอนั่นเอง

หมายเหตุ: ราคาหุ้น ณ วันที่ 2 มิ.ย. 64

อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิก https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิก https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1