ทันหุ้น - GRAMMY จับตากำไรสุทธิปี 2564 หลังปรับโครงสร้างธุรกิจ บริษัทร่วมทุนเสริมแกร่ง แย้มอยู่ระหว่างเจรจาพันธมิตรเกี่ยวเนื่อง O-Shopping 1-2ราย คาดไตรมาส 4/64 ได้ข้อสรุป กางแผนลดต้นทุน 3 ปี 200 ล้านบาท เล็งศึกษาการออกสินทรัพย์ดิจิทัล คาดไม่เกินปลายปีเห็นความชัดเจน

นายธนากร มนูญผล รองกรรมการผู้อำนวยการ หน่วยงาน Group Investment บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GRAMMY เปิดเผยว่า ด้วยสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19ทั้งระรอกที่ 2 และ 3ต้องยอมรับว่ามีผลกระทบต่อธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจโชว์บิซ (Showbiz) เนื่องจากไม่สามารถจัดกิจกรรมที่มีการรวมตัวของคนหมู่มากได้ ทำให้งานอีเว้นท์และคอนเสิร์ต มีความจำเป็นต้องเลื่อนกำหนดไปจัดแสดงในช่วงไตรมาส 3 และ 4/2564 แทน และทำให้ปริมาณการจัดกิจกรรมดังกล่าวถูกปรับลดลงจากปกติปีละเฉลี่ย 16 งาน ซึ่งภายหลังการเกิดวิกฤตโรคระบาดระรอก 2ทำให้บริษัทลดกิจกรรมงานออกเหลือ 12 งาน และจากการระบาดระรอก 3 ทำให้คาดว่าการจัดกิจกรรมในปีนี้อาจลดลงเหลือเพียง 8 งาน หรือคิดเป็นมูลค่าราว 268 ล้านบาท จากเดิมประมาณ 600 ล้านบาท

กำไรแกร่ง

จากปัจจัยดังกล่าวคาดว่าผลดำเนินงานปี 2564ในแง่ของรายได้รวมอาจปรับตัวลดลง 8-12%จากปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 5,035.62 ล้านบาท แต่ในแง่ของกำไรสุทธิบริษัทมีความมั่นใจว่าจะมีการเติบโตที่ค่อนข้างดีกว่าปีก่อนที่ -175.41 ล้านบาท อย่างมีนัยสำคัญ หลักๆ เป็นผลมาจากการปรับโครงสร้างธุรกิจในองค์กรใหม่ในช่วงปลายปีก่อน ทำให้ในปีนี้บริษัทสามารถรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนในบริษัทร่วมทุน (JV) เข้ามาได้มากขึ้น ประกอบกับในปีนี้บริษัทไม่มีการบันทึกรายการพิเศษเหมือนเช่นปีก่อนแล้ว รวมถึงบริษัทมองเห็นโอกาสในการปรับลดลงต้นทุนค่าใช้จ่ายภายในได้มากขึ้น โดยตั้งเป้าในระยะ 2-3 ปี (2564-2566) จะปรับลดค่าใช้จ่ายต่างๆ ได้รวมไม่น้อยกว่า 150-200 ล้านบาท

ทั้งนี้การฉีดวัคซีนถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลต่อผลประกอบการของบริษัทด้วยเช่นกัน หากวัคซีนกระจายได้ดี ผู้คนกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ จะทำให้ผลประกอบการกลับของกลุ่มธุรกิจ Artist Management, Showbiz Business รวมถึง GDH559 ที่เป็นธุรกิจภาพยนตร์ พลิกฟื้นกลับคืนมาอย่างมีนัยสำคัญ

อย่างไรก็ดีการเกิดวิกฤตโรคระบาดระรอกที่ 3 ทำให้ ธุรกิจ O- Shopping มีการเลื่อนการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ร่วมกับทาง Rojukiss ออกไป ทำให้ยอดขายอาจไม่เติบโตได้ดีเท่าที่ควร  แต่เชื่อว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้บริษัทวางแผนจะออกผลิตภัณฑ์ร่วมกับทาง Rojukiss อีกประมาณ 4-5 รายการ คาดว่าจะเข้ามาช่วยกระตุ้นยอดได้มากขึ้น

จ่อปิดดีลM&A

ส่วนบริษัทร่วมทุน ภายใต้ชื่อบริษัท วายจีเอ็มเอ็ม จำกัด เพื่อประกอบกิจการธุรกิจด้านบันเทิงทุกชนิด และให้คำปรึกษา เช่น จัดคอนเสิร์ต ละครเวทีการแสดงต่างๆ คาดว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้จะเริ่มพัฒนาศิลปินได้ ขณะที่บริษัท GDH559 วิกฤตโรคระบาดส่งผลกระทบต่อโรงภาพยนตร์ แต่บริษัทได้มีการขายลิขสิทะธิ์หนังในช่องทางอื่นๆ อย่าง Netflix ทำให้มีรายได้เข้ามาเพิ่มขึ้น

ซึ่งแผนการลงทุนปี 2564 บริษัทวางงบลงทุนไว้ 300 -400 ล้านบาท รองรับสำหรับการลงทุนในธุรกิจเพลงและการทำ JV ในธุรกิจอื่นๆ เพิ่มเติม ซึ่งในปีนี้คาดว่าจะเห็นดีลการควบรวมกิจการ (M&A) เพิ่มเติมประมาณ 1-2ดีลที่เกี่ยวเนื่องกับการพลิกฟื้นธุรกิจ O- Shopping อาจเป็นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกัน คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ในช่วงไตรมาส 4/2564

ขณะเดียวกัน บริษัทได้มองอนาคของ GRAMMY ซึ่งเป็น Content Providers สร้างคอนเทนต์ที่มีคุณภาพทั้งในฝั่ง Music และ Non-Music มองหาการสร้างรายได้ใหม่ๆ เขามาอย่างต่อเนื่อง  ปัจจุบันเทคโนโลยี Blockchain ก็เข้ามามีผลในโลกธุรกิจยุคนี้รวมถึงธุรกิจเพลงของ GRAMMY ด้วย ซึ่งบริษัทกำลังอยู่ระหว่างการศึกษาด้านสินทรัพย์ดิจิทัล หรือ NFT (Non-fungible token) ว่าจะสามารถใช้ประโยชน์หรือสร้างรายได้อย่างไรได้บ้างจากเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่ คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในปี 2564

อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิ๊ก https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิ๊ก https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิ๊ก https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิ๊ก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิ๊ก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิ๊ก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิ๊ก https://twitter.com/thunhoon1