ทันหุ้น –TU ส่งซิกไตรมาส 2/2564 ผลงานดีต่อเนื่อง ดีมานด์ทะลัก พร้อมตอกย้ำเป้าปีนี้รายได้โต 5% รับพอร์ตลูกค้าขยายตัว พร้อมยิ้มรับค่าเงินบาทอ่อนค่า หนุนรายได้ต่างประเทศกระฉูด แถมมองโมเดลเปิดประเทศอังกฤษ-ไทยหนุน ด้านโบรกเกอร์ เชียร์สอย เคาะเป้าหมาย 21.00 บาท
นางสาวเกวลี ทองสมอางค์ หัวหน้าฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด(มหาชน) หรือ TU เปิดเผยว่า บริษัทคาดผลงานในไตรมาส 2/2564 น่าจะดีขึ้นต่อเนื่อง หลังยอดขายในช่วงเดือนเมษายน -พฤษภาคม 2564 ยังขยายตัว ผลมาจากได้รับแรงสนับสนุนกลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยงปรับตัวดีขึ้น และกลุ่มอาหารแช่แข็งและแปรรูปต่างๆ ขยับเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ดี แนวโน้มผลการดำเนินงานปี 2564 ทาง TU เชื่อรายได้คงเป็นไปตามประมาณการที่วางไว้เพิ่มขึ้นราว 3-5% จากปี 2563 ที่ทำได้ประมาณ 1.34 แสนล้านบาท ผลมาจากแนวโน้มยอดขายผลิตภัณฑ์อาหารในรูปแบบต่างๆ ของบริษัทปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งบริษัทได้มีการทำตลาดสินค้ากลุ่มใหม่เพิ่มเติม ตลอดจนการฉีดวัคซีนในประเทศต่างๆ รวมถึงไทยที่คืบหน้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งล้วนเป็นแรงหนุนธุรกิจให้เป็นไปตามที่วางไว้ ดังนั้น จากปัจจัยดังกล่าว ประกอบกับธุรกิจมีการบริหารจัดการต้นทุนที่แข็งแกร่ง ทำให้บริษัทมองว่าในแง่อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Margin) ปี 2564 คาดจะพยายามรักษาอยู่ที่ราว 17%
*ลงทุน 6.5 พันล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทได้ตั้งงบลงทุนรวมในปี 2564 ไว้ 6-6.5 พันล้านบาท (ซึ่งถือเป็นตัวเลขงบลงทุนสูงสุดในรอบ 3 ปี) แบ่งเป็น การลงทุนและปรับปรุงไลน์ผลิตธุรกิจเดิมของ TU อยู่ที่ราว 4.2-4.5 พันล้านบาท, ลงทุนธุรกิจอาหารสำเร็จรูปในประเทศ 1 พันล้านบาท ส่วนที่เหลือนั้นเป็นการลงทุนธุรกิจใหม่ เช่น น้ำมันปลาทูน่า, โปรตีนจากทะเล, ผลิตภัณฑ์คอลลาเจนท์, ฯลฯ หวังเสริมความสามารถการดำเนินงานให้ดียิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ของ TU แบ่งเป็น การผลิตและขายสินค้าในต่างประเทศประมาณ 88% และขายให้กับลูกค้าในประเทศอีก 12% ซึ่งหากจำแนกเฉพาะตัวเลขต่างประเทศนั้นราว 70%มาจากตลาดในประเทศสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ
*โมเดลเปิดประเทศหนุน
ส่วนแนวโน้มค่าเงินบาทที่อ่อนค่าอย่างต่อเนื่องจนล่าสุดมาอยู่ที่ราว 31.33 บาท ต่อดอลลาร์สหรัฐ (อิงข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย ณ 10 มิถุนายน 2564) บริษัทมองว่าน่าจะกลายเป็นปัจจัยบวกต่อธุรกิจ เพราะช่วยสนับสนุนให้รายได้จากต่างประเทศขยายตัวอย่างชัดเจน จากปัจจุบันที่ TU มีรายได้ส่วนใหญ่มาจากการขายสินค้าในต่างประเทศ
นางสาวเกวลี กล่าวเสริมว่า ในแง่ประเด็นเกี่ยวกับการที่ทางประเทศอังกฤษจะมีการคลายล็อกดาวน์เต็มรูปแบบในวันที่ 21 มิถุนายน 2564 และในส่วนของประเทศไทยจะมีการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศ (เฉพาะผู้ที่ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม) ให้สามารถเข้าประเทศไทยได้โดยไม่ต้องกักตัวภายใต้ชื่อโครงการ "ภูเก็ตแซนบ็อกซ์" ซึ่งปัจจัยเกี่ยวกับการเปิดประเทศเหล่านี้นั้นทาง TU มองล้วนเป็นผลดีต่อธุรกิจของบริษัท และน่าจะช่วยสนับสนุนภาพรวมคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) ขยับสูงขึ้น
*กำไรเด่นเป้า 21 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) ระบุถึง TU ว่า แนะนำ "ซื้อ" ให้ราคาเป้าหมาย 21.00 บาท เนื่องจากฝ่ายวิเคราะห์ประมาณการกำไรสุทธิปี 2564 อยู่ที่ 6.52 พันล้านบาท เติบโต 4% จากปีก่อน และมองน่าจะขยายตัวต่อเนื่องอีก 5% ในปี 2565 มาอยู่ที่ราว 6.87 พันล้านบาท ผลมาจากธุรกิจประเภทที่มีมูลค่าสูง (Value Added Product) ได้แก่ Pet Care และ New Business จะเป็นปัจจัยหลักในการเติบโตของบริษัทในช่วง 5 ปีข้างหน้า ประกอบกับมองว่า Net margin ของบริษัทมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก Product Mix ที่ เปลี่ยนแปลง และ Cost Reduction Program
อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิก https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิก https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม