ทันหุ้น – NOBLE ปิดดีลโครงการอสังหาฯ ในลอนดอน ประเทศอังกฤษเพิ่มเป็นโครงการที่ 2 เผยโครงการแรกขายให้นักลงทุนจีน-ฮ่องกงได้บางส่วน คาดทยอยบันทึกกำไรในไตรมาส 4/2564 ย้ำเป้ายอดขายทั้งปี 2564 ไว้ที่ 1.6 หมื่นล้านบาท รายได้ชน 1 หมื่นล้านบาท

นายธงชัย บุศราพันธ์ ประธานกรรมการ และ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOBLE กล่าวถึงความคืบหน้า กรณีการเข้าลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในสหราชอาณาจักร (UK) ของ บริษัท โนเบิล เวนเจอร์ อินเวสเมนท์ จํากัด ที่เป็นบริษัทย่อยของ NOBLE ว่า ปัจจุบันประสบความสำเร็จในการเจรจาเข้าซื้อโครงการอสังหาริมทรัพย์ได้ทั้งสิ้น 2 โครงการ ล่าสุดเป็นโครงการในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ หลังจากก่อนหน้านี้ประสบความสำเร็จในการเข้าซื้อโครงการอสังหาริมทรัพย์ในเมืองแมนเชสเตอร์ ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของสหราชอาณาจักร มาเพื่อปรับปรุง-พัฒนาเป็นที่อยู่อาศัยแล้ว 1 โครงการ

*จ่อบุ๊กรายได้ขายตึก Q4/63

พร้อมกันนี้ ยังสามารถเจรจาขายโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ซื้อมาให้กับนักลงทุนในจีน และฮ่องกงได้แล้วบางส่วน เบื้องต้นคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้และมีกำไรทันทีภายในไตรมาส 4/2564 นี้ ซึ่งถือเป็นการกระจายความเสี่ยงทางการลงทุนได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยไม่มีความกังวลเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากเป็นการซื้อ-ขายด้วยสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ รวมถึงยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนกลับเป็นเงินสกุลบาท เนื่องจากจะใช้เป็นเงินหมุนเวียนในบริษัท โนเบิล เวนเจอร์ฯ ในอนาคต

“โครงการที่ซื้อมาเป็นโครงการที่มีผู้เช่าแล้วทั้ง 2 โครงการ ดังนั้นระหว่างรอการจัดทำเอกสารหลายๆ ขั้นตอน บริษัทฯ ก็จะรับรู้รายได้ในรูปแบบค่าเช่า และเมื่อขายได้ก็จะทยอยรับรู้รายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง ณ ปัจจุบันก็สามารถขายได้แล้วบางส่วน อยู่ระหว่างรอเอกสารและโอนอย่างเป็นทางการ ทั้งนี้ไม่มีความกังวลต่อสถานการณ์เศรษฐกิจแต่อย่างใด เนื่องจากอังกฤษ และสหภาพยุโรป ฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิด-19 แล้ว 100% นักลงทุนจีน-ฮ่องกงจึงให้ความสนใจเป็นอย่างมาก และบริษัทก็เข้ามาลงทุนถูกที่ ถูกเวลา” นายธงชัย กล่าว

*ยอดโอนไตรมาส 2 ทรงตัว

สำหรับการลงทุนร่วมกับบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ BTS นั้นเป็นการลงทุนผ่านบริษัทลูกทั้ง U City โดยการนำที่ดินซึ่งตั้งอยู่ในทำเลใกล้แหล่งชุมชนและห้างสรรพสินค้ามาพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย ซึ่งจะจัดตั้งบริษัทย่อยขึ้นมารับผิดชอบในแต่ละโครงการ จึงมีการซื้อ-ขายหุ้นระหว่างกันเพื่อความโปร่งใสในการถือครองกรรมสิทธิที่ดิน โดยปัจจุบันมีโครงการที่อยู่ระหว่างพัฒนาร่วมกัน 4โครงการระยะเวลาการก่อสร้าง 3 ปี

ซึ่ง ณ ปัจจุบันมีบางโครงการได้รับผลกระทบจากมาตราการปิดแคมป์ก่อสร้าง 1 เดือน กระทบต่อโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างตัวอาคารบางส่วน แต่สำหรับโครงการที่อยู่ระหว่างการตกแต่งภายในเพื่อส่งมอบให้กับลูกค้าที่มีสัญญาการโอนกรรมสิทธิ์ในช่วงไตรมาส 2/2564 นั้นไม่ส่งผลกระทบแต่อย่างใด เบื้องต้นคาดการณ์ไตรมาส 2/2564 ยอดโอนกรรมสิทธิ์จะใกล้เคียงกับไตรมาส 1/2564 ส่วนผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/2564ยังต้องติดตามนโยบายภาครัฐ อย่างใกล้ชิด

*ย้ำเป้ารายได้หมื่นล.

อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ว่า รัฐบาลจะดำเนินมาตรการดังกล่าวในระยะสั้น ซึ่งจะส่งผลจำกัดต่อการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในภาพรวม เนื่องจากระยะเวลาการพัฒนาต่อ 1 โครงการประมาณ 3-4 ปี ซึ่งหากรัฐบาลจะยังคงมีมาตราการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ออกมาเข้มข้นกว่าเดิมก็ต้องปรับแผนการดำเนินงานทั้งปี 2564 อีกครั้ง

ทั้งนี้ ณ สิ้นไตรมาส 1/2564 บริษัทมี Backlog มูลค่ารวม 12,884 ล้านบาท ทยอยรับรู้ช่วงที่เหลือปี 2564 ประมาณ 4,026 ล้านบาท เบื้องต้นยังคงเป้ายอดขายไว้ที่ระดับ 16,000 ล้านบาท โดยไตรมาส 1/2564 ทำได้แล้ว 2,568ล้านบาท และเป้าการรับรู้รายได้ที่ระดับ 10,000 ล้านบาท โดยไตรมาส 1/2564 ทำได้แล้ว 2,682ล้านบาท

อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่ APP ทันหุ้น ANDROID คลิก https://qrgo.page.link/US6SAAPP ทันหุ้น IOS คลิก https://qrgo.page.link/QJKT7LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNATELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_newsTwitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1