ฉายภาพเอไอเอยุคใหม่ ปรับตัวเมื่อโลกเปลี่ยน

ทันหุ้น-เอไอเอ ภายใต้ผู้บริหารสัญชาติไทย “กฤษณ์ จันทโนทก” มาพร้อมความกลมกล่อมที่ผสมผสานความแข็งแกร่งแบบไทยในด้านการบริการและดูแลลูกค้า แต่ไม่ทิ้งความเป็นสากล และเทรนด์โลกที่นำเทคโนโลยีเข้ามาเป็นส่วนสำคัญของการดำเนินธุรกิจ พร้อมตอบโจทย์ใหญ่ ประกันภัยในโลกใหม่ เจเนอเรชั่นใหม่ เอไอเอ ยังคงเป็นเบอร์หนึ่ง เพราะปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง

ลูกค้าคนไทยย่อมต้องการการดูแลแบบไทย ๆ และ เอไอเอก็ต้องการเข้าถึงใจของลูกค้าคนไทยมากขึ้น การแต่งตั้งผู้บริหาร ในตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร คนล่าสุดจึงเป็นคนไทย ที่ชื่อ “กฤษณ์ จันทโนทก” จากที่ก่อนหน้านี้ กลุ่มบริษัทเอไอเอ ส่งทีมบริหารฝีมือดีจากต่างประเทศเข้ามาทำงานใน เอไอเอ ประเทศไทย

ที่ผ่านมา เอไอเอ ได้พัฒนางานบริการอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยภาพลักษณ์ของความเป็นบริษัทต่างชาติ ผู้บริหารต่างชาติ อาจทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าได้รับบริการแบะการดูแลที่ต่างจากคนไทยดูแลกัน ซึ่งนายกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอ ประเทศไทย บอกว่า จากนี้ไป ลูกค้าของไอเอไอจะรู้สึกได้ถึงการให้บริการในแบบที่คนไทยดูแลกัน เข้าใจความต้องการกัน ขณะเดียวกันก็ยังคงความสากลในการบริหารงาน การดำเนินธุรกิจไปพร้อมกับเทรนดืโลกที่เข้าสู่ยุคดิจิทัลมากขึ้น

นายกฤษณ์ มองด้วยว่า สิ่งหนึ่งที่ที่ลูกค้าไทยให้ความสำคัญคือ มูลค่าเพิ่มจากงานด้านบริการ ซึ่งไม่ใช่เรื่องของการลดแลกแจกแถม แต่คือสิทธิประโยชน์ที่ลูกค้าเข้าถึงในสิ่งที่ต้องการ แน่นอนว่าไม่ใช่แค่เรื่องของการทำประกันชีวิต การวางแผนการเงิน แต่เป็นเรื่องของ สุขภาพ อาหารการกิน ในชีวิตประจำวัน เป็นต้น

“ลองจิตนาการถึงอนาคต หากวันหนึ่งแอปของ เอไอเอ สามารถบอกได้ว่า อาหารที่คุณกำลังจะกิน จะเป็นประโยชน์หรือโทษกับคุณมากน้อยแค่ไหนภายใต้สภาวะที่ร่างกายของคุณกำลังเจ็บป่วย หรือ แอปที่สามารถ สแกนร่างกายคำนวณค่าดัชนีมวลกาย หรือ BMI ของเราได้เอง ผมมองว่าสิ่งนี้คือความต้องการของลูกค้าในอนาคต”

ไม่เพียงแค่เรื่องของสุขภาพร่างกาย หากยังรวมถึงการผูกช่องทางบริการร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อให้สิทธิประโยชน์ที่มากขึ้นกับลูกค้าด้วยไม่ว่าจะเป็นในส่วนของพันธมิตรห้างสรรพสินค้า ร้านค้า ร้านอาหาร เป็นต้น ซึ่งนายกฤษณ์ มองว่า การดำเนินธุรกิจในโลกยุคใหม่จะไม่สามารถยืนเดี่ยวได้อีกต่อไป แต่ละธุรกิจแต่ละบริษัทจะต้องเป็นพันธมิตรเพื่อเกื้อหนุนกัน และสามารถขยายฐานลูกค้าของกันและกันได้มากขึ้น และเอไอเอก็มีแผนที่จะขยายพันธมิตรทางธุรกิจเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงสิทธิประโยชน์ที่มากกว่า

นายกฤษณ์ ยังกล่าวถึงอีกหนึ่งความท้าทายของการเข้ามาบริหารงานในเอไอเอ ว่า การเปลี่ยนถ่ายเจเนอเรชั่นของวัยทำงานเป็นสิ่งที่ทุกองค์กรต้องเผชิญ เอไอเอนั้นประสบความสำเร็จมาตลอดกว่า 80 ปี เป็นเบอร์หนึ่งในธุรกิจประกันชีวิตไทย แน่นอนว่ารูปแบบการบริหารงานที่นำไปสู่ความสำเร็จนั้นเป็นสิ่งที่ยากต่อการเปลี่ยนแปลง อย่างไรก็ตาม เมื่อโลกเปลี่ยน พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน เจเนอเรชั่นของคนเปลี่ยน เอไอเอก็ต้องเปลี่ยน และรับฟังความเห็นจากสิ่งใหม่ๆที่เกิดขึ้นด้วย

“แน่นอนว่าการที่เราเดินมาในรูปแบบเดิมและประสบความสำเร็จเป็นสิ่งที่ยากต่อการเปลี่ยนแปลง และแท้จริงแล้วไม่มีใครชอบการเปลี่ยนแปลงเท่าไร แต่เมื่อมันเกิดขึ้น คนที่อยู่รอดได้คือคนที่ปรับตัว ไม่ใช่คนที่เก่ง ดังนั้นผมในฐานะผู้บริหาร ต้องเปิดใจที่จะรับฟังสิ่งที่คนเจเนอเรชั่นใหม่คิด”

นายกฤษณ์ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันงานขายประกัน การวางแผนการเงินให้กับลูกค้า แม้จะสามารถทำได้อย่างรื่นไหลบนโลกออนไลน์แล้วก็ตาม แต่ในแง่ของลูกค้าบางรายยังต้องการให้ฝ่ายขายไปช่วยวางแผน และบริการแบบเจอหน้ากันมากกว่า ซึ่งในประเด็นนี้เอไอเอก็ให้ความสำคัญเช่นกัน ซึ่งหลังการระบาดของโควิด-19ลดลง เอไอเอ ก็ยังสามารถให้บริการได้ทั้งแบบออนไลน์ และการเดินไปหาลูกค้าถึงบ้าน

“ครึ่งปีแรกนี้ยังคงเป็นปีที่ดีสำหรับเรา แม้ตัวแทนจะไม่สามารถออกไปพบลูกค้า การเสนอขายผ่านช่องทางออนไลน์สามารถทำให้งานของเรายังเดินหน้าต่อไปได้ แม้ทุกวันนี้ เกือบ 100%ของเอไอเอ จะทำงานอยู่ที่บ้านแล้วก็ตาม สะท้อนว่าลูกค้ายังให้ความไว้ใจเราแม้จะต้องซื้อแผนประกันที่มีความซับซ้อนสูงอย่างยูนิตลิงก์ หรือ แผนประกันที่ต้องชำระด้วยเงินก้อนโต ระดับล้านบาทก็ตาม” นายกฤษณ์ กล่าวทิ้งท้าย

“กฤษณ์ จันทโนทก” ยังต้องการสื่อด้วยว่า เอไอเอ ในโลกยุคใหม่ ที่ยังคงรักษาอันดับหนึ่งของธุรกิจประกันชีวิตได้นั้นไม่ว่าจะส่วนแบ่งทางการตลาด รายได้ หรือกำไรก็ตาม สิ่งสำคัญไม่ใช่เรื่องของการเก่ง แต่เป็น “การปรับตัว” ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญของการเติบโตอย่างมั่นคง และยั่งยืนในโลกยุคใหม่นี้