เช็คสัญญาณหุ้นใหญ่กลุ่มพลังงาน จะเป็นตัวพลักดัน SET ได้แค่ไหน ? 

ดัชนีหุ้นไทยการกลับขึ้นมาสู่ 1,600 จุดอย่างเร็ว ผลักดันหลักๆ จากหุ้นกลุ่มธนาคาร และหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการเปิดเมือง 

ตลอดจนหุ้นพลังงานที่กลับมาบ้างจากราคาน้ำมันและสเปรดปิโตรเคมีที่ดีดตัว ซึ่งกลถ่มพลังงานนับเป็นหนึ่งในความหวังหุ้นใหญ่ที่จะช่วยรั้งให้ดัชนีหุ้นไทยยืนเหนือ 1,600 จุดได้ 

@ ผลงาน Q3 อุปสรรคขวางหุ้นพลังงาน

ท่ามกลางการประเมินว่าผลประกอบการของหุ้นกลุ่มพลังงานครึ่งปีหลังจะสู้ครึ่งปีแรกที่มีกำไรจากสต็อกน้ำมันไมได้ โดยเฉพาะช่วงไตรมาส 3/2564 ที่ผลประกอบการจะอ่อนแอ 

บริษัทหลักทรัพย์เมย์แบงก์กิมเอ็ง ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ผลประกอบการของกลุ่มพลังงานไตรมาส 3 จะลดลงจากไตรมาส 2/2564 ที่มีกำไรรวม 7.3 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น +3% QoQ และ 239% YoY เนื่องจาก  PTT ได้หยุดซ่อมบำรุง โรงงาน GSP แห่งที่ 6 ครั้งใหญ่ในเดือน ก.ค. ถึง 26 วัน ขณะที่ IRPC มีแผนหยุดซ่อมบำรุงครั้งใหญ่เช่นกัน 

ไม่เพียงเท่านั้นกลุ่มพลังงานยังเจอผลกระทบจากส่วนต่างปิโตรเคมี อย่างผลิตภัณฑ์  PE, PP และ PET ลดลง QTD 22%, 17% และ 16% จากไตรมาส 2 

@ สเปรดปิโตรเคมีฟื้น

ทั้งนี้ สเปรดเคมีได้พุ่งสูงสุดในเดือน เม.ย. แล้วลดลงแตะจุดต่ำสุดเมื่อต้นเดือน ก.ค. ก่อนที่จะเริ่มไต่กลับขึ้นมา โดยสเปรด PP และ PE เพิ่มขึ้น 11% และ 16% เป็น 629 เหรียญต่อตัน จากระดับต่ำสุดในเดือน ก.ค. โดยเพิ่มขึ้น 7% ในสัปดาห์ที่แล้วเพียงอย่างเดียว ท่ามกลางซัพพลายโลกที่กำลังเพิ่มขึ้น

บริษัทหลักทรัพย์เมย์แบงก์กิมเอ็ง ชี้ว่า  ยังเร็วเกินไปที่จะสรุปการฟื้นตัวเนื่องจากส่วนต่างของราคาที่เด้งขึ้นส่วนใหญ่มาจากราคาแนฟทาที่ลดลง สอดคล้องกับราคาน้ำมันดิบที่อ่อนตัวลง  Covid19 ทำให้ความต้องการของผู้ใช้ใน SEA ยังคงอ่อนแอ 

แต่มองบวกเล็กน้อยจาก  1) ระดับสต็อกน้ำมันที่ต่ำในจีน 2) จีนคุมการระบาดของสายพันธุ์เดลต้าได้และเปิด Ningbo Port ซึ่งเป็นท่าเรือใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก อีกครั้ง  หลังจากปิด 2 สัปดาห์ 3) ฤดูกาลการผลิตสูงสุดในไตรมาส 4/64 4) กำลังการผลิตออนไลน์ในประเทศจีนยังคงล่าช้าอย่างต่อเนื่อง ในฐานะผู้ผลิต ผู้บริโภค และผู้นำเข้าเคมีภัณฑ์รายใหญ่ที่สุด จีนเป็นปัจจัยสำคัญที่น่าจับตามอง 

@ ตั้งข้อสงสัยน้ำมันดีดเร็ว

ขณะที่ราคาน้ำมันดิบซึ่งนับเป็นดัชนีหลังของหุ้นกลุ่มพลังงาน วันนี้มีความผันผวนสูงโดยเบรนต์ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดที่ 65 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ก่อนที่จะฟื้นตัวสู่ระดับ 70 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลอย่างเร็ว นับเป็นปัจจันบวก และสะท้อนว่าปัจจัยพื้นฐานอาจแข็งแกร่งเกินคาด 

ส่วนยักษ์ใหญ่น้ำมันซาอุฯ อย่าง Aramco ยังคงเพิ่มราคาขาย Official Selling Price (OSP) ให้ผู้ซื้อเอเชีย ซึ่งสะท้อนถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้น

 

ทั้งนี้กลุ่มโอเปกพลัส กำลังจะประชุมในวันที่ 1 ก.ย. ซึ่งจะมีความชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับความต้องการในช่วงเดือนที่ผ่านมา แต่ราคาน้ำมันดิบที่สูงกว่าระดับ 65 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล น่าจะหนุนความเชื่อมั่นต่อกลุ่มอย่างมาก     

ดังนั้น บริษัทหลักทรัพย์เมย์แบงก์กิมเอ็ง จึง เชื่อว่าการฟื้นตัวของอุปสงค์น้ำมันจะมีขึ้นตาม ผลกระทบของ Covid19 ที่คลี่คลาย และการฉีดวัคซีนอย่างต่อเนื่อง

 @มองพลังงานบวกไปได้ต่อ

สรุปอุปทานที่ลดลงในครึ่งปีหลังกลุ่มพลังงานจากการปิดซ่อมบำรุงจะเป็นปัจจัยกดดันจำกัด แต่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจหนุนโดยมาตรการกระตุ้นของรัฐบาลและการผ่อนคลายมาตรการคุม Covid19 น่าจะช่วยกระตุ้นการฟื้นตัวของอุปสงค์ให้แข็งแกร่ง 

ยังคงมุมมองบวก และหากพิจารณาประเด็นราคา กลุ่มพลังงานยังคงมีความน่าสนใจ โดยบริษัทส่วนใหญ่ที่เราวิจัย ซื้อขายต่ำกว่า 1 SD จากค่าเฉลี่ยในอดีต หุ้นเด่น คือ PTTEP จากสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและปริมาณที่เพิ่มขึ้น ซึ่งหนุนโดยโอกาส M&A ที่น่าสนใจเนื่องจากบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ถูกบังคับให้ลดพอร์ต เรายังชอบ PTTGC และ IVL และมีมุมมองบวกกับ M&A คาดว่าสินทรัพย์จะเพิ่มกำไรปี 65 อีก 10-15%      

อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิ๊ก https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิ๊ก https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิ๊ก https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิ๊ก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิ๊ก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิ๊ก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิ๊ก https://twitter.com/thunhoon1