> SET > OSP

07 กันยายน 2021 เวลา 10:19 น.

OSPครึ่งปีหลังยอดขายฟื้น พันธมิตร-M&Aเสริมแกร่ง

ทันหุ้น – OSPมั่นใจผลงานครึ่งหลัง 2564 โตกว่าภาพรวมตลาด ชูแบรนด์ “แม่เหล็ก” ทั้ง M150, ซี-วิท พลัส, เบบี้มายด์, ลิโพ, และ SHARK หนุน  ตั้งเป้าทยอยออกผลิตภัณฑ์จากกัญชง, กัญชา และกระท่อมในปี 2565 พร้อมหาโอกาสเติบโตจากการร่วมงานกับพันธมิตร, การทำ M&A, และการตลาดดิจิทัล


นางจิตอาภา อัมราลิขิต หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ทางการเงิน บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP เปิดเผยว่าบริษัทยังคงเน้นรักษาการเติบโตของกำไรในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 ที่ระดับตัวเลขสองหลัก และโตกว่าภาพรวมอุตสาหกรรม แม้คาดการณ์ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/2564 มีแนวโน้มอ่อนตัวลง กดดันจากมาตรการควบคุมสูงสุดในประเทศ 23 จังหวัด และสถานการณ์ในเมียนมา เบื้องต้นคาดการณ์ว่าทั้งยอดขาย และกำไรจะเร่งตัวขึ้นในช่วงไตรมาส 4/2564 หนุนจากการทยอยผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ทั้งในประเทศ และประเทศในกลุ่ม CLMV


ทั้งนี้บริษัทจะเน้นการควบคุมต้นทุนการดำเนินงานทั้งต้นทุนค่าขนส่ง, ต้นทุนทางการตลาด ควบคู่การรักษามาร์เก็ตแชร์ด้าน “แบรนด์” สินค้าไว้ผ่านสินค้าใหม่ทั้ง Energy Drink และ Functional Drink ที่เปิดตัวไปเมื่อต้นปี 2564


“แนวโน้มผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังนั้น ยอมรับว่ายังดูยาก เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังมีความไม่แน่นอนอยู่ แต่ก็มั่นใจว่าบริษัทจะมีผลงานที่ดีกว่าตลาดรวม เนื่องจากสินค้าแบรนด์หลักของบริษัทยังแข็งแกร่งทั้ง M150, ซี-วิท พลัส, เบบี้มายด์, ลิโพ ซึ่งได้เปิดตัว “ลิโพ-ไฟน์” และเบบีมายด์กลิ่นลาเวนเดอร์ เมื่อต้นปีที่ผ่านมายังสอดคล้องกับเทรนด์ health&wellbeing ส่วนในกลุ่ม CLMV โดยเฉพาะเมียนมา แบรนด์ SHARK ก็ได้รับความนิยมเป็นอันดับ 1 อีกทั้งยังมีทีมงาน “ท้องถิ่น” ในประเทศแข็งแกร่งมาก ทำให้บริษัท สามารถทำยอดขายได้ดี”

ขยายฐานสินค้า-ตลาด


สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของพืชกัญชง-กัญชา และกระท่อมนั้น บริษัทได้ศึกษาและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายอาทิ Functional Drink, Skin care เบื้องต้นคาดว่าจะเริ่มวางตลาดได้ในช่วงไตรมาส 1/2565 ขณะเดียวกันบริษัทร่วมกับ “ศูนย์รักษาโรคด้วยกัญชา” โรงพยาบาลยันฮี มองหาโอกาสทางขยายผลทางธุรกิจร่วมกันอย่างต่อเนื่อง


และยังมองหาโอกาสการเติบโตทางธุรกิจทั้ง 1.การร่วมมือกับพันธมิตรทั้งในปัจจุบัน และพันธมิตรใหม่, 2.การเชื้อกิจการ (M&A), 3.การนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยลดต้นทุนการดำเนินงาน และขยายฐานการตลาดผ่านช่องทางดิจิทัล โดยที่ผ่านมาบริษัทได้เข้าซื้อหุ้นของ บริษัท อินโนเวชั่น ออฟ เอ็กซ์พีเรียนซ์ จำกัด (iEx) ในสัดส่วน 80% โดย iEX เป็นสตาร์ทอัพที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการตลาด (Marketing Technology) ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ดีในการศึกษาการทำการตลาดบนช่องทางดิจิทัล (Digital Marketing) และหากทำได้ดีในระยะยาวจะเป็นการสร้างรายได้จากธุรกิจใหม่ให้แก่บริษัทอีกด้วย


ขณะเดียวกันบริษัทตั้งเป้า เพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศขึ้นเป็น 20% ของรายได้รวม จากปัจจุบันมีสัดส่วน 15% ของรายได้รวม หนุนจากฐานการตลาดที่แข็งแกร่งในกลุ่มประเทศ CLMV รวมถึงโรงงานผลิตเครื่องดื่มในเมียนมา ซึ่งสามารถขยายกำลังการผลิตได้เป็นจำนวนมาก เนื่องจากปัจจุบันกำลังการผลิตอยู่ที่ 50-60%


เคาะเป้าหมาย 42 บาท


สำหรับผลงานไตรมาส 2/2564 บริษัทมีกำไรสุทธิ 820 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน (YoY), แต่ลดลง 18% เมื่อเทียบกับงวดไตรมาส 1/2564 (QoQ)  ส่งผลให้กำไรสุทธิงวด 6 เดือนแรกของปี 2564อยู่ที่ 1,824 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 5.43%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน


บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด แนะนำ "ซื้อ"OSP ราคาเป้าหมาย 42 บาทต่อหุ้น อิง PER ที่ 34 เท่า โดยมองว่าผลิตภัณฑ์ C-Vitt ยังได้รับการตอบรับที่ดีในตลาด รวมถึงเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้ประโยชน์จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ขณะที่ระยะยาวบริษัทยังเห็นโอกาสการเติบโตของธุรกิจในเมียนมา โดยปัจจุบันรายได้ในเมียนมาคิดเป็น 17% ของรายได้รวม อย่างไรก็ตามโรงงานผลิตขวดแก้วในเมียนมา คาดว่าจะล่าช้าออกไปเล็กน้อยเป็นปลายปี 2564 หรือต้นปี 2565


ทั้งนี้บริษัทประกาศเงินปันผลระหว่างกาล 0.54 บาทต่อหุ้น ขึ้นเครื่องหมาย XD เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม2564 ที่ผ่านมา และจ่ายปันผลวันที่ 10 กันยายน 2564

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X