ทันหุ้น – TTCL คว้างานก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ ที่เวียดนาม มูลค่าราว 2 พันล้านบาท หนุนงานในมือเพิ่ม 8.4 พันล้านบาท และอยู่ระหว่างยื่นประมูลอีก 2 หมื่นล้านบาท คาดทยอยประกาศผลตั้งแต่ไตรมาส 4/2564 จนถึงกลางปีหน้า ขณะที่ช่วงที่เหลือของปีนี้จะได้รับงานอีกประมาณ 3 พันล้านบาท ส่วนปีหน้าคาดงานในมือแตะระดับ 1 หมื่นล้านบาท

นายบุณยกฤต เสาวรรณ ผู้จัดการฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ทีทีซีแอล จำกัด (มหาชน) หรือ TTCL เปิดเผยว่า บริษัทได้งานก่อสร้างใหม่ในประเทศเวียดนาม ซึ่งเป็นงานก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ มีมูลค่าโครงการประมาณ 2 พันล้านบาท ส่งผลทำให้งานในมือ (Backlog) เพิ่มขึ้นเป็น 8.4 พันล้านบาท ขณะเดียวกันอยู่ระหว่างยื่นประมูลงานอีกประมาณ 2 หมื่นล้านบาท โดยจะทยอยประกาศผลตั้งแต่ไตรมาส 4/2564 จนถึงกลางปี 2565

ทั้งนี้คาดว่าในช่วงที่เหลือปีนี้มีโอกาสที่จะได้งานใหม่เพิ่มอีกราว 3 พันล้านบาท โดยงานขนาดใหญ่จะเป็นงานในประเทศ ส่วนงานในต่างประเทศก็ยังมีแต่ขนาดไม่ใหญ่มากนัก และในปีหน้าก็มีโอกาสรับงานใหม่เพิ่มขึ้นอีก ดังนั้นจึงเชื่อว่าในปีหน้างานในมือจะฟื้นตัวกลับขึ้นมาสู่ระดับ 1 หมื่นล้านบาทได้

*ครึ่งหลังงานประมูลเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้คาดว่าแนวโน้มเจ้าของโครงการจะเปิดประมูลงานในช่วงครึ่งปีหลังจะเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับในครึ่งปีแรกที่่หลายโครงการได้ชะลอออกไป เพราะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทประกาศได้งานมาแล้ว 3 โครงการ ได้แก่ โครงการผลิตไอน้ำในประเทศกาตาร์ มูลค่างาน 1 พันล้านบาท โครงการจัดการระบบน้ำเสียที่ประเทศเวียดนาม มูลค่าโครงการประมาณ 500 ล้านบาท และล่าสุดโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานขยะดังกล่าว

สำหรับผลประกอบการของบริษัทในปี 2565 คาดว่ามีแนวโน้มที่ดีกว่าปีนี้ จากการทยอยรับรู้งานในมือรวมถึงมีงานใหม่ที่จะเข้ามาเพิ่ม จากการเปิดประมูลงานที่มากขึ้น เพราะภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้น จากสถานการณ์โควิด-19 ที่น่าจะดีขึ้น เพราะมีการฉีดวัคซีนในจำนวนมากขึ้น

*หั่นรายได้ปีนี้เหลือ 6.5 พันล.

อย่างไรก็ตามยอมรับว่ารายได้ในปีนี้อาจจะต่ำกว่าปีก่อนเล็กน้อย โดยได้ปรับลดเป้ารายได้ปีนี้ลงมาอยู่ที่ 6.5 พันล้านบาท จากเป้าหมายเดิมอยู่ที่ 8 พันล้านบาท เนื่องจากผลกระทบจากโควิดตั้งแต่ไตรมาส 2/2564 เป็นต้นมา จึงทำให้มีหลายประเทศได้ล็อกดาวน์ โดยเฉพาะประเทศไทย เวียดนาม และมาเลเซีย ซึ่งประเทศเหล่านี้บริษัทมีงานขนาดใหญ่อยู่ จึงส่งผลกระทบต่อผลดำเนินงาน

สำหรับโครงการ Ahlone LNG to Power Project หรือ Ahlone เฟส 2 ในประเทศเมียนมานั้น ซึ่งเป็นโครงการโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ขนาดใหญ่ 388 เมกะวัตต์ มีมูลค่าโครงการ 20,550 ล้านบาท โดยแหล่งเงินเป็นการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินหลายแห่งในสัดส่วนประมาณ 70% นั้น หรือประมาณ 14,000 ล้านบาทนั้น โดยได้สัญญาซื้อขายไฟฟ้า หรือ PPA แล้ว แต่ขณะนี้สถาบันการเงินที่จะปล่อยกู้ ยังรอดูสถานการณ์การเมืองในประเทศเมียนมาให้ชัดเจนก่อน โดยต้องการให้สถานการณ์การเมืองมีเสถียรภาพก่อน ดังนั้นจึงยังไม่สามารถกำหนดกรอบระยะเวลาดำเนินการได้ เพราะเป็นปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ แต่ก็ยอมรับว่าการดำเนินการที่ล่าช้า ทำให้เสียโอกาสที่จะสร้างรายได้จากโครงการใหญ่ดังกล่าว

*ลุ้นงานใหม่เติมแบ็กล็อก

บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด  (มหาชน) ระบุถึง TTCL ว่า สถานการณ์โควิด-19 น่าจะทำให้การรับรู้รายได้ธุรกิจ EPC ของ TTCL ในครึ่งปีหลังยังไม่ดีขึ้นมากนัก โดยอัตรากำไรขั้นต้นมีแนวโน้มลดลง เพราะไม่มีตัวช่วยจากการโอนค่าใช้จ่ายที่ตั้งสำรองเหมือนในไตรมาส 2/2564 ขณะที่ประเด็นที่อาจหยิบมาเก็งกำไรคืองานประมูลใหญ่ 2 โครงการ มูลค่าโครงการละ 4 พันล้านบาท ที่ TTCL มีความคาดหวังสูงจะช่วยเติมงานในมือ

ขณะที่โครงการ Ahlone เฟส 2 มีความไม่แน่นอนมากขึ้นทั้งเรื่องการจัดหาแหล่งเงินทุนและพันธมิตร หลังเกิดรัฐประหารในเมียนมา ฝ่ายวิจัยจึงตัดโครงการนี้ออกจากประมาณการ ส่งผลให้ราคาพื้นฐานอยู่ที่ 3.15 บาทต่อหุ้น

อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิ๊ก https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิ๊ก https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิ๊ก https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิ๊ก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิ๊ก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิ๊ก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิ๊ก https://twitter.com/thunhoon1