20 กันยายน 2021 เวลา 06:50 น.
ภาพรวมตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ ผมคาดว่าแกว่งออกด้านข้างในกรอบ 1,600-1,650 จุด เพราะมีการประชุม FOMC วันที่ 21-22 ก.ย. 64 ให้ติดตาม ซึ่งนักลงทุนทั่วโลกต้องการเห็นมุมมองด้านการลดวงเงินซื้อสินทรัพย์ เพื่อคอนเฟิร์มแนวทางการดำเนินนโยบายการเงินของเฟด ก่อนที่จะนำไปปรับพอร์ตการลงทุนหลังจากนี้ไปจนถึงปลายปี ขณะที่ ปัจจัยภายในประเทศ เริ่มเห็นความเสี่ยงด้านการเมืองเร่งตัวขึ้นอีกครั้ง พร้อมไปกับจำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 รายวันที่เริ่มฟื้นตัว เพราะฉะนั้น Fund flow คงพักเหนื่อยชั่วคราว หุ้นขนาดใหญ่ที่เป็นกลุ่มนำตลาดก่อนหน้านี้มีโอกาสพักฐานในระยะสั้น คงต้องหลีกทางให้หุ้นขนาดเล็กกลับมามีสีสันชั่วคราว
ซึ่งถ้าพิจารณาจากเงินบาทที่พลิกกลับมาอ่อนค่าเร็ว และผมเชื่อว่ายังอ่อนค่าอีกในระยะสั้น จากการเข้าซื้อกิจการในต่างประเทศของหลายบริษัท เช่น TOP, PTTGC, GPSC, IVL และ BANPU ทำให้หุ้นที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า มีโอกาสกลับมาได้รับความน่าสนใจเช่นกัน หุ้นที่ผมเลือกมาเล่าให้ฟังวันนี้จึงเป็นส่วนผสมทั้งขนาดที่เป็นไซส์กลาง-เล็ก และได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า ซึ่งก็คือ AMA หรือบริษัท อาม่า มารีน จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจในด้าน (1) บริการขนส่งสินค้าเหลวทางเรือระหว่างประเทศ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์มและน้ำมันพืชชนิดต่างๆ ไปยังประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และภูมิภาคเอเชียตะวันออก (2) บริษัทย่อยให้บริการขนส่งสินค้าเหลวทางรถในประเทศ ได้แก่ น้ำมันเชื้อเพลิงและไบโอดีเซล B100
ผลประกอบการที่ผ่านมามีกำไรต่อเนื่อง แม้ในปี 2563 ที่ถูกกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 ก็ยังมีกำไรสุทธิ 170 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปี 2562 ที่มีกำไรสุทธิ 181 ล้านบาท เนื่องจากธุรกิจเรือขนส่งน้ำมันปาล์มให้บริการเต็มศักยภาพ ชดเชยกับรถขนส่งน้ำมันในประเทศที่ถูกกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 ซึ่งในมุมของผม แต่บางท่านอาจจะไม่ชอบมุมมองนี้ คือ การกระจายธุรกิจของ AMA ที่มีทั้งในและต่างประเทศในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน ทำให้สามารถบริหารจัดการความเสี่ยงได้ดี โดยในช่วงที่ธุรกิจหนึ่งซบเซา จะมีอีกธุรกิจที่เข้ามาช่วยชดเชยเสมอ แต่ถ้าสลับกันดีสลับกันแย่แบบนี้ไปเรื่อยๆ ผลประกอบการก็จะทำได้เพียงประคองตัว ไม่ได้มีการเติบโตโดดเด่น เว้นแต่ว่าจะเป็นช่วงที่ทั้งเรือและรถดีพร้อมกัน ซึ่งมักเกิดขึ้นไม่บ่อย เพราะฉะนั้น นักลงทุนที่ชอบหุ้นเติบโตเร็ว (Growth Stock) จึงไม่เห็น AMA อยู่ในสายตา
แต่หลังจากนี้ ผมเชื่อว่าสถานการณ์จะดีขึ้นเป็นลำดับ หลังจาก COVID-19 เริ่มคลายตัว ทำให้ยอดขนส่งน้ำมันปาล์มเร่งตัวขึ้น ดังจะเห็นได้จาก รายงานยอดนำเข้าน้ำมันปาล์มของอินเดียระหว่าง 1-15 ก.ย. 64 ที่เพิ่มขึ้น 54% YoY อยู่ที่ 8.3 แสนตัน ขณะที่ รถขนส่งน้ำมันให้ PTG ก็มีทิศทางที่ดีขึ้น ถ้ามีการขยายกองเรือหรือกองรถเข้ามาเสริม น่าจะทำให้ผลประกอบการกลับมาใส่คันเร่งได้อีกครั้งในปีหน้า
ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายที่ PBV เพียง 1.4 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของธุรกิจเรือขนส่งที่ 2.5 เท่า และธุรกิจโลจิสติกส์ที่ประมาณ 4.0 เท่า จึงถือว่ามีความถูกเป็นตัวคอยจำกัด Downside ขณะที่ ภาพทางเทคนิคกำลังทดสอบเส้นค่าเฉลี่ย 200 สัปดาห์ที่ 6.50 บาท ถ้ายืนเหนือได้ จะเกิดสัญญาณซื้อรอบใหญ่หาแนวต้านระยะกลางที่ 8.00 บาท
สุดท้ายนี้ ขอให้ทุกท่านประสบความสำเร็จในการลงทุน และสุขภาพร่างกายแข็งแรงยิ่งๆ ขึ้นไปครับ
อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิก https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิก https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1
เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา อ่านเพิ่มเติม