> SET > KBANK

29 กันยายน 2021 เวลา 10:56 น.

กลุ่มแบงก์ SCBS พรีวิว Q3/64 ,เพิ่ม KBANK เป็นหุ้นเด่น

ทันหุ้น - บล.ไทยพาณิชย์ (SCBS) ออกบทวิเคราะห์ หุ้นกลุ่มธนาคาร คาดว่ากำไรสุทธิ Q3/64 ของกลุ่มธนาคารจะลดลงอย่างมาก QoQ (ตั้งสำรองเพิ่มขึ้น, non-NII ลดลง) แต่จะยังคงฟื้นตัวได้ดี YoY (ตั้งสำรองลดลง) ยังคงเลือก BBL เป็นหุ้นเด่นของกลุ่มธนาคาร เล็งเห็น upside ในประมาณการกำไรปี 2565 (+15%) จากแรงกดดันต่อภาระการตั้งสำรอง (credit cost) ที่ลดลงอันเป็นผลมาจากการผ่อนผันการจัดชั้นหนี้และการกันเงินสำรองสำหรับลูกหนี้สินเชื่อที่เข้าร่วมโครงการปรับโครงสร้างหนี้แบบเบ็ดเสร็จในระยะยาว โดยเลือก KBANK เข้ามาเป็นหุ้นเด่นของกลุ่มเพิ่มเติมจาก BBL เพราะมีแนวโน้มที่จะมีการ re-rate valuation (เหมือนกับ SCB) จากการเป็นผู้นำ (นอกเหนือจาก SCB) ในการก้าวขึ้นเป็นบริษัทเทคโนโลยีทางการเงินและมีแนวโน้มที่จะได้รับประโยชน์มากที่สุดจากการผ่อนผันการกันเงินสำรองสำหรับลูกหนี้สินเชื่อที่เข้าร่วมโครงการปรับโครงสร้างหนี้แบบเบ็ดเสร็จในระยะยาว


พรีวิวผลประกอบการ Q3/64 ฝ่ายวิจัยคาดว่ากำไรสุทธิ กลุ่มธนาคารจะลดลง 28% QoQ (15% ถ้าตัดกำไรจากเงินลงทุนใน TIDLOR ใน Q2/64 ของ BAY ออกไป) แต่จะเพิ่มขึ้น 23% YoY เมื่อเทียบ QoQ และคาดว่ากำไรจะลดลง โดยมีสาเหตุมาจากการตั้งสำรองเพิ่มขึ้นและ non-NII ที่ลดลง ในขณะที่เมื่อเทียบ YoY เราคาดว่ากำไรจะฟื้นตัวได้ดี หลักๆ เกิดจากการตั้งสำรองลดลง สรุปประเด็นสำคัญจากพรีวิวผลประกอบการ Q3/64 ได้ดังนี้


1)    การตั้งสำรอง: คาดว่าธนาคารส่วนใหญ่จะมีระดับการตั้งสำรองเพิ่มขึ้น QoQ แต่จะลดลง YoY โดย credit cost จะเพิ่มขึ้น QoQ เพื่อรองรับความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ที่เพิ่มสูงขึ้นอันเป็นผลมาจากมาตรการล็อกดาวน์ใน Q3/64


2)    การเติบโตของสินเชื่อ: สินเชื่อของกลุ่มธนาคารเติบโต 0.8% (ณ เดือนส.ค.) บ่งชี้ว่าอัตราการเติบโตของสินเชื่อ QoQ ใน Q3/64 มีแนวโน้มที่จะต่ำกว่าระดับ 1.9% ใน Q2/64


3)  NIM: คาดว่า NIM จะลดลงเล็กน้อย QoQ เนื่องจากคาดว่าผลตอบแทนจากการให้สินเชื่อจะได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อยจากมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รอบใหม่


4)  Non-NII: คาดว่า non-NII จะลดลง QoQ โดยมีสาเหตุมาจากกิจกรรมทางธุรกิจที่ชะลอตัวลงในช่วงที่เกิดการระบาดระลอก 3 ของโควิด-19 รายได้ค่าธรรมเนียมที่ลดลง (แต่ยังมีจำนวนมาก) และกำไรจากธุรกรรมเพื่อค้าและเงินลงทุนที่ลดลง


5)    Opex: เราคาดว่าธนาคารต่างๆ จะยังคงควบคุม opex อย่างต่อเนื่องใน Q3/64


ประมาณการกำไรปี 2565 มี upside จากแรงกดดันด้าน credit cost ที่ลดลง คาดว่ากำไรของกลุ่มธนาคารจะฟื้นตัวต่อเนื่องอีก 15% ในปี 2565 (เทียบกับ 21% ในปี 2564) โดยได้รับการสนับสนุนจาก credit cost ที่ลดลง สินเชื่อที่เติบโต 5% NIM ที่หดตัวลงเพียงเล็กน้อย (จากการปรับโครงสร้างหนี้แบบเบ็ดเสร็จในระยะยาว) non-NII ที่เติบโตเล็กน้อย และอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ที่ลดลง การผ่อนผันการจัดชั้นหนี้และการกันเงินสำรองสำหรับลูกหนี้สินเชื่อที่เข้าร่วมโครงการปรับโครงสร้างหนี้แบบเบ็ดเสร็จในระยะยาวจะช่วยลดแรงกดดันต่อภาระการตั้งสำรอง(credit cost) ของธนาคาร และสร้างความมั่นใจว่า credit cost จะลดลงในปี 2565 ตามที่ฝ่ายวิจัยคาดการณ์ไว้ 


อย่างไรก็ตาม ยังคงประมาณการ credit cost ของไว้ตามหลักอนุรักษ์นิยม โดยปล่อยให้ผลกระทบจากมาตรการเหล่านี้เป็น upside คาดว่า credit cost โดยเฉลี่ยของกลุ่มธนาคารจะลดลง 27 bps สู่ 1.61% ในปี 2564 และลดลง 20 bps สู่ 1.41% ในปี 2565


เพิ่ม KBANK เข้ามาเป็นหุ้นเด่นของกลุ่มธนาคาร เลือก KBANK เข้ามาเป็นหุ้นเด่นของกลุ่มธนาคารเพิ่มเติมจาก BBL ทั้งนี้หลังจาก SCB ประกาศแผน “Reimagined” ภายใต้โครงสร้าง บริษัทลงทุน (holding Company) โดยตั้งเป้าก้าวสู่การเป็นบริษัทเทคโนโลยีทางการเงิน คาดว่า KBANK จะเป็นธนาคารรายต่อไปที่ประกาศแผนปรับโครงสร้างธุรกิจเพื่อสนับสนุนเป้าหมายในการเปลี่ยนเป็นบริษัทเทคโนโลยีทางการเงิน ซึ่งจะช่วยปลดล็อกมูลค่าของบริษัทในเครือที่ประกอบธุรกิจการเงิน นอกเหนือจาก SCB แล้ว KBANK ก็เป็นผู้นำด้านดิจิทัลแบงกิ้งอีกรายหนึ่งดังเห็นได้จากการจับมือเป็นพันธมิตรกับฟินเทคและสตาร์ทอัพหลายรายผ่านทาง KBTG 


นอกจากนี้ KBANK ยังจับมือ LINE Corporation (Thailand) เพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุนชื่อว่า LINEBK เพื่อให้บริการทางการเงินด้วย หลังจากประกาศแผนปรับโครงสร้างธุรกิจ valuation ของ SCB ก็ถูก re-rate ขึ้นจาก PBV ประมาณ 0.8 เท่า สู่ 1 เท่า เชื่อว่า valuation ของ KBANK ควรจะถูก re-rate ขึ้นเช่นเดียวกันกับ SCB 


นอกจากนี้ ยังคาดว่า KBANK จะได้รับประโยชน์มากที่สุดจากการผ่อนผันการจัดชั้นหนี้และการกันเงินสำรอง สำหรับลูกหนี้สินเชื่อที่เข้าร่วมโครงการปรับโครงสร้างหนี้แบบเบ็ดเสร็จในระยะยาว เนื่องจาก KBANK มีการปล่อยสินเชื่อ SME (ซึ่งมีแนวโน้มที่จะจำเป็นต้องปรับโครงสร้างหนี้แบบเบ็ดเสร็จมากที่สุด) ในสัดส่วนสูงที่สุด ยังคงเลือก BBL เป็นหุ้นเด่นของกลุ่มธนาคาร เพราะคาดว่ากำไรจะฟื้นตัวกลับมาเติบโตสูงที่สุดในปี 2564 และปี 2565 และมีความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ต่ำที่สุด



อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิก
https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิก
https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิก
https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิก
https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิก
https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิก
https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิก
https://twitter.com/thunhoon1


 

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X