> อาหารสมอง >

13 ตุลาคม 2021 เวลา 21:19 น.

นักลงทุนไทยยังติดกับดักการออมแบบเดิมๆ

จากมุมมองของสำนักวิจัย ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย คาดว่า ประเทศไทยกำลังเผชิญหน้าเข้าสู่ภาวะดอกเบี้ยต่ำ และจะเป็นแบบนี้ไปอีกระยะหนึ่ง ซึ่งสวนทางกับตลาดการเงินทั่วโลก เนื่องจากเศรษฐกิจไทยยังคงมีความเสี่ยงที่จะโตช้ากว่าที่คาดไว้ สอดคล้องกับผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2564 ล่าสุด ซึ่งมีมติเป็นเอกฉันท์ ให้คงดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.5% ต่อปี ประกอบกับข้อมูลสถิติอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 12 เดือนย้อนหลัง ของธนาคารแห่งประเทศไทย ก็เป็นไปในทิศทางเดียวกันว่า อัตราดอกเบี้ยเงินฝากมีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน 

ที่มา: ธนาคารแห่งประเทศไทย 


จึงเป็นคำถามที่น่าสนใจว่า..ยุคภาวะดอกเบี้ยต่ำแบบนี้ ประชาชนทั่วไปที่มีเงินออม จะมีทางเลือกการลงทุนใหม่ๆ เพื่อให้เงินออมงอกเงยได้อย่างไร ?


นายภูดินันท์ เศรษฐนันท์ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ พัฒนาผลิตภัณฑ์การเงิน ธุรกิจผลิตภัณฑ์การเงิน และ ผู้บริหารการขายลูกค้าบุคคลธนกิจ ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย เปิดเผยว่า “ ถ้าเรามองย้อนกลับไป 15 ปีที่แล้ว การเก็บเงินออมไว้ในธนาคาร ทำให้เราได้รับผลตอบแทนสูงถึง 5% ต่อปี หรือใกล้กว่านั้นเป็นเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ก็ยังได้รับผลตอบแทนสูงถึง 3% ต่อปี 


แต่ในปัจจุบันกลับได้รับผลตอบแทนไม่ถึง 1% ต่อปี แต่คนไทยส่วนใหญ่ ยังคุ้นชินกับการออมแบบนั้น จึงพลาดโอกาสสร้างผลตอบแทนให้สูงขึ้น 3 เท่า ผ่านทางเลือกการลงทุนอย่างหุ้นกู้ที่ให้ผลตอบแทนที่โดดเด่นถึง 1.5%-4% ต่อปี ไปอย่างน่าเสียดาย ทั้งที่หุ้นกู้มีรูปแบบการลงทุนคล้ายการฝากเงิน คือ ได้รับดอกเบี้ยเป็นรายงวด และเงินต้นเมื่อครบกำหนด เพียงเปลี่ยนจากฝากเงินธนาคาร เป็นเจ้าหนี้บริษัทเอกชน


ขณะเดียวกัน นักลงทุนอีกกลุ่มที่เปิดใจลงทุนหุ้นกู้แล้ว แต่ก็ยังพลาดโอกาสสร้างผลตอบแทนสูงขึ้น เพราะเฝ้ารอจะซื้อเฉพาะหุ้นกู้ที่เสนอขายครั้งแรกเท่านั้น แล้วยังต้องลุ้นอีกว่า หุ้นกู้ที่สนใจ จะจองได้ทันรึเปล่า เพราะไม่ทราบว่ามีหุ้นกู้ดีๆ รอให้เลือกซื้อในตลาดรองมากมาย ส่วนบางคนรู้จักหุ้นกู้ตลาดรองแล้ว แต่กลับมีความคิดฝังหัวว่า ซื้อหุ้นกู้ตลาดรองต้องแพงกว่าซื้อตอน IPO ดูไม่น่าจะคุ้มค่าการลงทุน ทั้งที่ราคาที่ถูกหรือแพงเป็นไปตามภาวะตลาด 

ด้านนักลงทุนที่ซื้อหุ้นกู้ไปแล้ว ยังติดภาพจำว่าต้องถือครองหุ้นกู้เก็บไว้จนครบกำหนด แท้จริงแล้วนำออกมาขายเปลี่ยนมือได้ หรือบางคนอาจคิดว่า หากเอามาขายก็ขาดทุนเสมอ ทั้งที่มีโอกาสสร้างผลกำไรได้ด้วย ท้ายสุดเคยไปติดต่อสอบถามข้อมูลหุ้นกู้ แต่ไม่ได้คำตอบ ที่ช่วยให้ตัดสินใจลงทุนได้

 

"เราเห็นแล้วว่ามีโจทย์ที่ยังไม่ได้รับการแก้ ในปี 2558 จึงบุกเบิกตลาดซื้อขายตราสารหนี้ก่อนครบกำหนด หรือเรียกง่ายๆว่า หุ้นกู้ตลาดรอง เพื่อให้คนไทยมีทางเลือกการออม ที่ทำให้เงินทำงานหนักขึ้น ในเวลาเท่าเดิม สร้างผลตอบแทนได้สูงขึ้น และเปิดใจให้การลงทุนในหุ้นกู้ อีกทั้งสรรหาหุ้นกู้หลากหลายตัวเลือกในแต่ละวัน หรือ หุ้นกู้ดีดีมีได้ทุกวัน เรายังหวังไปถึงว่าตลาดตราสารหนี้จะเข้ามามีบทบาทสำคัญมากขึ้น และเติบโตมากขึ้นจากนักลงทุนรายย่อย เพื่อเป็นแหล่งระดมทุนที่สำคัญของทั้งภาครัฐและเอกชน ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศต่อไป”


“ตลอด 6 ปี ที่ผ่านมาเราบุกเบิกและพัฒนาตลาดรองของลูกค้ารายย่อย ทำให้วันนี้เรามีส่วนแบ่งตลาด 51% ของตราสารหนี้ตลาดรองสำหรับลูกค้ารายย่อย ( ม.ค.-ส.ค. 2564 ) เป็นบทพิสูจน์ว่าเราได้เดินมาถูกทิศทาง เพื่อให้ความเข้าใจกับลูกค้า เราอยากให้ลูกค้า ลบภาพประสบการณ์ของการลงทุนในหุ้นกู้เดิมๆ ที่เคยพบเจอมา ไม่ว่าจะเป็น จองซื้อหุ้นกู้ไม่เคยทัน เพราะโดนตัดหน้า, ไม่กล้าลงทุน เพราะคิดว่ายุ่งยาก, พลาดโอกาสลงทุนหุ้นกู้ใหม่ๆ เพราะขีดจำกัดด้านเงินลงทุน หรือไม่มั่นใจลงทุนในหุ้นกู้ เพราะขาดคำแนะนำ"

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X