ทันหุ้น - บล.กสิกรไทย จำกัด ออกบทวิเคราะห์ หุ้นบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP แนะนำ “ซื้อ” ปรับปีฐานราคาเป้าหมายเป็นสิ้นปี 2565 ที่ 66.25 บาท และเพิ่ม TOP เป็นหุ้นเด่นของฝ่ายวิจัยจากกำไรที่ฟื้นตัวดีและมีสัดส่วนเงินกู้ในสกุลเงินดอลลาร์ฯ ลดลง คาดกำไรไตรมาส 3/2564 ที่ 2.8 พันลบ. ดีขึ้น YoY และ QoQ จาก GRM และกำไรธุรกิจน้ำมันหล่อลื่นและอะโรแมติกส์ กำไรจากสต็อกน้ำมันและรายการพิเศษที่สูงขึ้น แนวโน้มไตรมาส 4/2564 ดีขึ้นอีกจาก GRM และปริมาณการกลั่นที่สูงขึ้น ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2564-66 ขึ้น 17-130% จากภาพรวมของโรงกลั่นที่แข็งแกร่ง

 

TOP จุดเริ่มต้นของการฟื้นตัว ฝ่ายวิจัยคาดว่ากำไรสุทธิในไตรมาส 3/2564 จะอยู่ที่ 2.8 พันลบ. (EPS ที่ 1.37 บาท) เพิ่มขึ้น 292% YoY และ 32% QoQ สาเหตุหลักมาจากการค่าการกลั่น (GRM) ที่สูงขึ้น กำไรจากธุรกิจอะโรแมติกส์และน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานที่ยังอยู่ในระดับสูง กำไรสต็อกน้ำมันก้อนใหญ่และกำไรพิเศษจากการจัดประเภทเงินลงทุนใน GPSC ใหม่ ปัจจัยบวกเหล่านี้คาดว่าจะหักล้างผลกระทบจากผลขาดทุนจาก การประกันความเสี่ยงราคาน้ำมันและผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลิ่ยน อิงจากแนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 3/2564 ที่แข็งแกร่ง ฝ่ายวิจัยจึงคาดว่ากำไรสุทธิสะสมช่วง 9 เดือนแรกของปี 2564 จะอยู่ที่ 8.3 พันลบ. พลิกกลับจากผลขาดทุนสุทธิที่ 1.06 หมื่นลบ.ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และคิดเป็น 63% ของประมาณการทั้งปีนี้ ล่าสุดของฝ่ายวิจัย

สำหรับในไตรมาส 4/2564 ฝ่ายวิจัยคาดว่ากำไรสุทธิของ TOP จะเติบโตขึ้นแรงในเชิง QoQ จาก market GRM และปริมาณการกลั่นที่เพิ่มสูงขึ้น โดย Singapore GRM ปรับขึ้นจาก 3.8 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล ในไตรมาส 3/2564 เป็นประมาณ 7 ดอลลาร์ฯ/บาร์เรล จากความต้องการในช่วงฤดูหนาวที่มากขึ้นท่ามกลางวิกฤติพลังงานทั่วโลก ขณะเดียวกัน ฝ่ายวิจัยคาดว่าอัตราการกลั่นของ TOP จะกลับมาอยู่ที่ 100% ในไตรมาส 4/2564 หลังสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในประเทศดีขึ้นและส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ที่ขึ้น สร้างโอกาสในการทำอาบริทาจในตลาดต่างประเทศ 

อย่างไรก็ดี ปัจจัยบวกเหล่านี้น่าจะถูกหักล้างจากกำไรที่ลดลงของธุรกิจน้ามันหล่อลื่น และอะโรแมติกส์ตามส่วนต่างราคาของผลิตภัณฑ์ที่ลดลง ในเชิง QTD ส่วนต่างราคาน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานลดลง 20% QoQ เป็น 712 ดอลลาร์ฯ/ตัน ขณะที่อัตรากำไรของ PX ลดลง 42% QoQ เป็น 120 ดอลลาร์ฯ/ตัน จากแนวโน้ม ดังกล่าว จึงคาดว่า GIM ของ TOP จะอยู่ที่ประมาณ 7 ดอลลาร์ฯ /บาร์เรล ขณะนี้ซึ่งบ่งชี้ถึงกำไรปกติที่ประมาณ 2.5 พันลบ.-3.0 พันลบ. ตัวแปรสำคัญ คือ รายการที่ไม่เกิดขึ้นประจำ รวมทั้งกำไรจากสต็อกน้ำมัน ผลขาดทุนจากประกันความเสี่ยงราคาน้ำมันและกำไร/ผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน

**อัพกำไรสุทธิปี 64-66 ขึ้น 17-130% 

ฝ่ายวิจัยปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2564-2566 ขึ้น 130%/32%/17% จาก 5.7 พันลบ./6.2 พันลบ./1.15 หมื่นลบ. เป็น 1.31 หมื่นลบ./8.2 พันลบ./1.35 หมื่นลบ. จาก 1) market GRM ที่คาดจะเพิ่มขึ้นปีละ 0.7 ดอลลาร์ฯ/บาร์เรล จากค่าพรีเมียมน้ำมันดิบที่ลดลงในช่วงที่ผ่านมา 2) กำไรจากสต๊อกน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในปี 2564 จาก 8.6 พันลบ. เป็น 1.39 หมื่นลบ. จากผลกระทบจากวิกฤตพลังงานโลกและ 3) การปรับลดสมมติฐานผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนปี 2564 ลงจาก 6.9 พัน ลบ.เป็น 5.1 พันลบ. ผลจากสัดส่วนสินเชื่อสกุลเงินดอลลาร์ฯ ที่ลดลงตามที่กล่าวข้างต้น

คงคำแนะนำ “ซื้อ” และปรับปีฐานราคาเป้าหมายเป็นสิ้นปี 2565 อยู่ที่ 66.25 บาท คำแนะนำของฝ่ายวิจัยอิงจากกำไรปกติที่คาดจะพลิกฟื้นขึ้นในไตรมาส 4/2564 และปี 2565-66 ขณะเดียวกัน ราคาหุ้น TOP ขณะนี้ซื้อขายด้วย PBV ปี 2565 ที่ 0.90 เท่าเทียบกับคู่แข่งที่ 1.09 เท่า โดย TOP ไม่สมควรได้รับส่วนลดที่มากเช่นนี้จากส่วนต่างราคาน้ำมันชนิดกลางที่เพิ่มขึ้นมากและประโยชน์ระยะยาวจากโครงการพลังงานสะอาด (CFP) ถึงแม้มูลค่าหุ้นอาจมีส่วนลดบ้างจากแผนเพิ่มทุนที่คาดจะเกิดขึ้นในครึ่งปีแรกปี 2565 ดังนั้น ฝ่ายวิจัยจึงยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” TOP ปรับปีฐานราคาเป้าหมายจากกลางปี 2565 ที่ 58.20 บาท ไปเป็นสิ้นปี 2565 ที่ 66.25 บาท โดยราคาเป้าหมายใหม่นี้สะท้อนถึงประมาณการกำไรสุทธิใหม่ของฝ่ายวิจัยแล้ว และตัวคูณ PBV ปี 2566 ที่ 1.0 เท่า (อัตราลดที่ 10% จาก dilution ที่คาดดว่าจะเกิดขึ้น )

อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิก https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิก https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิก https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิก https://twitter.com/thunhoon1