ทันหุ้น – HFT วางเป้ารายได้ปี 2565 เติบโตไม่น้อยกว่า 10-15% มองความต้องการใช้งานจักรยานยนต์ขยายตัวดี อัดฉีดงบกว่า 200 ล้านบาท อัพแกร่งกำลังผลิตใหม่-แผงโซลาร์ แย้มอยู่ระหว่างเจรจา M&A-JV 1 ดีล คาดสรุปได้ปีหน้า มองยอดขายไตรมาสสุดท้ายปี 2564 พ้นจุดต่ำสุด มั่นใจผลงานยังทุบสถิติสูงสุดใหม่ได้ต่อเนื่อง

นายจวง จื้อ เหยา รองประธานกรรมการ บริษัท ฮั้วฟง รับเบอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ HFT เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในปี 2565 บริษัทวางเป้าหมายการเติบโตของรายได้จากการขายไว้ที่ไม่น้อยกว่า 10-15% จากปีก่อน ซึ่งยังคงสามารถทำลายสถิติสูงสุดใหม่ได้อย่างต่อเนื่องในรอบกว่า 30 ปีที่ผ่านมา โดยประเมินภาพรวมอุตสาหกรรมว่าความต้องการยางทั้งจักรยานและมอเตอร์ไซค์ยังมีอยู่จำนวนมาก และเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกๆ ปี ตามปริมาณการผลิตและจำหน่ายรถจักรยานและมอเตอร์ไซค์ใหม่ออกสู่ตลาด

อีกทั้งด้วยเทรนด์ของจักรยานมีการเติบโตอย่างมากทั้งจักรยานปกติและจักรยานไฟฟ้า (E-Bike) บริษัทจึงได้เพิ่มกำลังการผลิตในส่วนของจักรยานอีก 20-30% ในปี 2565 เพื่อรองรับออเดอร์ที่เข้ามา และจะมีการสำรวจปริมาณการใช้จักรยานอีกครั้ง หลังจากมาตรการของยุโรปบังคับใช้เพื่อปรับเพิ่มกำลังการผลิตต่อไป มองว่าปีหน้าปริมาณจำนวนเส้นยางจักรยานทั้งหมดจะโตจากการเพิ่มกำลังการผลิต ส่วนมอเตอร์ไซค์ปริมาณจำนวนเส้นจะไม่เปลี่ยนมากนักแต่จะปรับให้คุณภาพสูงขึ้นราคาขายเพิ่มมากขึ้น จากนโยบายลดโลกร้อนถ้าทุกคนใช้ E-Bike จำนวนการใช้ยางของจะสูงมาก เพราะมีระยะทางการใช้งานที่มากกว่าจักรยานปกติ

*ราคาขายสินค้าดันรายได้

นอกจากนี้ จากการปรับราคาขายสินค้าเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ตามต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น ส่งผลให้คาดว่าจะช่วยผลักดันให้การเติบโตของรายได้จากการขายในปีนี้หน้าเพิ่มได้ด้วย สำหรับมาร์จิ้นของบริษัทในปีหน้าคาดว่าจะสามารถรักษาระดับไว้ได้ที่ไม่ต่ำกว่า 20% จากการปรับเพิ่มขึ้นราคา ซึ่งบริษัทจะใช้กลยุทธ์ในการชดเชยมาร์จิ้นที่หายไปปีนี้ด้วย ดังนั้น แม้ว่าวัตถุดิบปรับลดลงแต่จะใช้เวลาสักพักในการปรับราคาขายลง ขณะเดียวกันบริษัทได้หาซัพพลายเออร์รายใหม่เข้ามาซึ่งจะทำให้ประหยัดต้นทุนได้ถึงปีละ 10-12 ล้านบาท

ส่วนแผนการลงทุนในปี 2565 นั้น เบื้องต้นบริษัทวางงบลงทุนไว้ที่ประมาณ 200 ล้านบาท โดยแบ่งออกเป็นการลงทุนเปลี่ยนเครื่องจักรใหม่ แบ่งเป็นเครื่องจักรชุดเล็กที่จะทยอยติดตั้งในช่วงไตรมาส 1/2565 คาดว่าจะเริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ในไตรมาสถัดไป และเครื่องจักรชุดใหญ่ติดตั้งช่วงกลางปีเป็นต้นไป เพื่อทดแทนชุดเก่าที่มีอายุการใช้งานมากแล้ว ประมาณ 120-130 ล้านบาท ในส่วนที่เหลืออีกประมาณ 70-80 ล้านบาท เป็นการลงทุนติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ (Solar  Panel) ที่โรงงานเพื่อประหยัดต้นทุนค่าไฟฟ้า อีกทั้งยังสามารถขอสิทธิทางภาษีจาก BOI ได้ ทำให้สามารถประหยัดต้นทุนไปได้เฉลี่ยปีละกว่า 200 ล้านบาท

*เล็งปิดดีลใหม่

ขณะเดียวกันบริษัทยังคงมีความสนใจและเปิดโอกาสในการลงทุนต่อยอดธุรกิจใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยในปัจจุบันบริษัทมีที่อยู่ระหว่างการศึกษาและเจรจาหาข้อตกลงร่วมกับพันธมิตรที่มีศักยภาพอยู่ 1 ดีล ซึ่งก็มีความเป็นไปได้ที่จะเห็นการลงทุนทั้งรูปแบบของการควบรวมกิจการ (M&A) การร่วมทุน (JV) รวมถึงการแตกไลน์หรือพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่อยอดธุรกิจร่วมกันในอนาคต เบื้องต้นคาดว่าไม่เกินปี 2565 จะได้เห็นข้อสรุปที่ชัดเจน

สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2564 บริษัทยังคงมีความมั่นใจว่าจะสามารถทำลายสถิติใหม่สูงสุดได้ จากปี 2563 ที่มีรายได้รวมจากการขายอยู่ที่ 2,674.38 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 412.62 ล้านบาท โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2564 บริษัทสามารถสร้างรายได้แล้วที่ 2,360.42 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 351.55 ล้านบาท แม้ว่าในช่วงไตรมาส 3/2564 ยอดขายจะชะลอตัวตามภาวะทางเศรษฐกิจและผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่ที่ผ่านมาบริษัทได้มีการผลิตเพื่อรองรับความต้องการใช้งานไปแล้วพอสมควร ทำให้เมื่อสถานการณ์คลี่คลายก็พร้อมส่งมอบให้ลูกค้าและรับรู้รายได้เข้ามาได้เพิ่ม

อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิ๊ก https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิ๊ก https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิ๊ก https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิ๊ก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิ๊ก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิ๊ก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิ๊ก https://twitter.com/thunhoon1