> SET > SCB

03 มกราคม 2022 เวลา 12:28 น.

#ของมันต้องมี!! 5กูรูมือทองคัดให้ 10 หุ้นดีปีเสือ

เข้าสู่ปีขาล พ.ศ.2565 อย่างเป็นทางการ นักวิเคราะห์หลายสำนักออกมาประเมินแทบจะเป็นทิศทางเดียวกันว่า...เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวดี แม้ในช่วงครึ่งแรกของปีอาจจะมีลักษณะค่อยเป็นค่อยไป จากนั้นจะดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี ส่วนประเด็นอื่นๆทั้งนโยบายภาครัฐ การเมือง การแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นต้น ยังคงเป็นประเด็นที่ยังคงต้องรอความชัดเจน

แต่ที่ชัดเจนในตอนนี้คือ หุ้นตัวไหนดี มีสตอรี่เฉพาะตัวหนุนน่าจะเป็นสิ่งที่เราควรที่จะต้องมี ปีแห่งการคัดหุ้นเข้าพอร์ต กับ สุดยอด 5 ขุนพลนักวิเคราะห์มือทอง จัดมาให้ครบ SCB – CRC –GPSC – ADVANC – JMT – WICE – ASK – M - CCET ของมันต้องมี!! ไปดูกันว่าแต่ละท่านมองอย่างไร

เริ่มกันที่กูรู “ชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ” รองกรรมการผู้จัดการ สายงานค้าหลักทรัพย์บุคคล บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) มีมุมมองเชิงบวกอย่างมากต่อแผนการเข้าซื้อบริษัท Bitkub ของ SCB ซึ่ง Bitkub เป็นผู้ให้บริการการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลรายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ซึ่งมีส่วนแบ่งการตลาดราว 92% (อ้างอิงจาก SET) โดยมูลค่าการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทยอยู่ที่ 1.03 ล้านล้านบาท ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2564 (อ้างอิงจาก SET) Bitkub รายงานรายได้และกำไร 9 เดือนแรกของปี 2564 ที่ 3.3 พันล้านบาทและ1.5 พันล้านบาท ตามลำดับ

**SCBผู้นำดิจิทัล

ซึ่งการเข้าซื้อในครั้งนี้จะหนุนให้ SCB กลายเป็นเป็นผู้นำและศูนย์กลางระบบนิเวศสินทรัพย์ดิจิทัลของประเทศไทย โดยบริษัทย่อยของ SCB ได้แก่ SCB Securities จะเข้าซื้อ Bitkub 51% รวมเป็นมูลค่า 1.79 หมื่นล้านบาทภายในไตรมาส 1/65 ซึ่งราคาเข้าซื้อในครั้งนี้ถือว่าถูก โดยคิดเป็น PER ที่ 17 เท่า (ต่ำกว่า PER ของบริษัท Coinbase Global ที่ 34 เท่าอย่างมาก (บริษัทผู้ให้บริการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลในตลาด NASDAQ])

ฝ่ายวิเคราะห์เชื่อว่าธุรกิจกำไรที่มีคุณภาพของ SCB จะหนุนต่อการเติบโตของกำไรและมูลค่าบริษัทในระยะยาว โดยปัจจัยหนุนหลักได้แก่ สินเชื่อที่มีหลักประกันและสินเชื่อดิจิทัล โดย Auto X จะสามารถสร้างส่วนแบ่งทางการตลาดที่เยอะได้ แต่จะอยู่ในตลาดสินเชื่อที่ไม่อยู่ในระบบธนาคาร แม้มีการแข่งขันสูง คาดต้นทุนทางการเงินของบริษัทอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าคู่แข่งที่ไม่ใช่ธนาคาร ดังนั้นบริษัทจึงมีความได้เปรียบในด้านอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ความสามารถในการทำกำไรยังคงสูง ธุรกิจร่วมทุนกับADVANC (AISCB) มีความได้เปรียบทางด้านต้นทุนทางการเงินดังที่กล่าวข้างต้นเช่นกัน ซึ่ง AISCB มีฐานวจากจำนวนผู้ใช้บริการโทรศัพท์มือถือของ ADVANC ถึง 44 ล้านราย (ณ สิ้นเดือน ก.ย.) โดยเราคาดธุรกิจส่วนมากที่อยู่บนแพลตฟอร์มของบริษัทจะสร้างมูลค่าเพิ่มในระยะยาวให้กับ SCB แต่ SCB Securities จะหนุนการเติบโตของกำไรในทันที

ทางผู้บริหารตั้งเป้าที่จะนำบริษัทย่อยเข้าตลาด SET (IPO) ภายใน 3-5ปีข้างหน้าและจะผลักดันให้มูลค่าทางตลาด (ของ SCB และบริษัทย่อย)ไปเป็น 1 ล้านล้านบาท เราปรับประมาณการกำไรของ SCB ปี 2565 ขึ้นอีก 2% ไปเป็น 4.09 หมื่นล้านบาท เติบโต 13.7% YoY (รวมคาดการณ์กำไรจาก Bitkub) และปรับขึ้นคำแนะนำจาก “ถือ” ไปเป็น “ซื้อ” โดยมีราคาเป้าหมายใหม่ ณ สิ้นปี 2565 ที่ 146 บาท คิดเป็น PBV ที่ 1.06 เท่า สังเกตว่าราคาเป้าหมายของเราคิดจากสัดส่วนมูลค่าของธนาคาร (PBV ณ สิ้นปี 2565) ต่อธุรกิจใหม่ๆ (PER ปี 2565) ที่ 75:25 และสำหรับกลุ่ม SCB เราคาดการณ์กำไรปี 2565 จะมาจากส่วนของธนาคาร 88% และจากธุรกิจใหม่ๆ 12%

**ทำไม CRC น่าสน?

CRC ประกาศลงทุนในบริษัท แกร็บแท็กซี่ โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ในสัดส่วน 40% ด้วยเงินลงทุนไม่เกิน 4.5 พันล้านบาท โดยคาดรายการซื้อจะเสร็จสมบูรณ์ภายในเดือน ธันวาคม 2021 มองว่าดีลนี้เกิดจากแรงกระตุ้นด้านบวก 2 เหตุผลคือ 1.ข้อจำกดด้านกฎหมายการทำธุรกิจ Grab ในไทยคลี่คลายลงอย่างมีนัยอย่างเป็นทางการ และ 2.Grab Holdings Limited (GHL)เข้าจดทะเบียนใน NASDAQ วันที่ 2 ธ.ค.2564

Upside ในอนาคต ? แบ่งเป็น 2 เรื่อง ได้แก่ 1.ด้านธุรกิจบริษัทจะมีการ exposure 40% โดยตรงใน Grab ประเทศไทยที่เป็นแพลตฟอร์มบริการหลากหลายครบถ้วนในการส่งอาหาร เดินทาง ระบบโลจิสติกส์ จองโรงแรมที่พักและบริการทางการเงิน ซึ่งจะต่อยอดธุรกิจ CRC ในอนาคต โดยเฉพาะ digital retail และ 2.ด้าน hidden value ของการลงทุนที่บริษัทลูกของ CRC คือ Porto Woldwide สามารถใช้สิทธิแลกหุ้นกับ GHL ได้ในเดือน ก.ค.2565 ซึ่งคิดเป็นโอกาสการถือหุ้นที่ 1.06%ของจำนวนหุ้น GHL ที่ราคาใช้สิทธิกำหนดไว้ที่ USD 6.16299 ต่อหุ้น ซึ่งจะมีกำไรทันทีเทียบราคา IPO GHL ที่ USD 10.00

ความจริงเฉพาะข่าว Grab ควรส่งผลบวกต่อราคาหุ้น CRC เนื่องจากลงทุนในบริษัทที่ชัดเจนว่ามีโอกาส unlock กำไรจากการลงทุนได้ในปี 2022 แต่บังเอิญจังว่าล่าสุดมีข่าว Central Group บรรลุข้อตกลงซื้อห้าง Selfridges (ห้างนี้ดีมาก-เราชอบ) จากเจ้าของตระกูล Weston ที่มูลค่าราว 4 พันล้านปอนด์ ซึ่งยังไม่มีการแถลงข้อมูลชัดเจนจากกลุ่มบริษัท เราจึงคาดว่าตลาดอาจจะกัวกังวลเรื่องการจัดโครงสร้างการลงทุนใน Selfridges ของกลุ่มที่จะทำให้อัตราส่วนหนี้สินสูงขึ้นในอนาคต ซึ่งอาจจะเป็นข่าวลบในระยะสั้น ทั้งนี้ปัจจัยพื้นฐาน CRCเป็นหุ้น Turnaround 4Q21 และ 2022 เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 42 บาท

**GPSC-ADVANCของมันต้องมี

“กรภัทร วรเชษฐ์”ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน กลยุทธ์การลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน เลือกหุ้น GPSC และ ADVANC เป็นหุ้นที่ต้องมีในปี 2565 โดย GPSC ราคาเหมาะสมปี 65 ที่ 96.50 บาท/หุ้น เนื่องจาก GPSC น่าสนใจจากมีปัจจัยบวกเข้ามาต่อเนื่องใน 2022F จากการปิดซ่อมลดลง การรับรู้โรงไฟฟ้าใหม่เต็มปี และ ผลกระทบต้นทุนพลังงานลดลง นอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจ Battery ของประเทศไทย ที่อุตสาหกรรมมีแนวโน้มเติบโตก้าวกระโดด (new S-curve)

นอกจากนี้ ฝ่ายวิเคราะห์ยังคงให้น้ำหนักการลงทุน “Bullish” ต่อกลุ่มผู้ประกอบการมือถือ ด้วย 3 เหตุผลหลัก คือ 1.รายได้บริการมือถือกำลังเข้าสู่ช่วงฟื้นตัวจากการใช้ข้อมูลและสัดส่วนผู้ใช้ 5G,2.โอกาสการเติบโตที่จะสูงขึ้นจากการปรับตัวเป็น Technology company จาก Telecom company และ 3.การแข่งขันด้านราคาในระยะยาวที่มีแนวโน้มลดลงตามจำนวนคู่แข่งขันในตลาดและความสมดุลด้านทรัพยากร หนุนกำไรสุทธิกลุ่มฯปี 22-23F จะกลับมา +8.5%ต่อปีจาก 2 ปีที่ผ่านมาลดลงเฉลี่ย -15%ต่อปี นอกจากนั้น ยังมี upside จากการทำ asset monetization ทั้งนี้ หุ้นที่เราชอบสุดในกลุ่มนี้ คือ ADVANC ราคาเหมาะสม 252 บาท และ DTAC ราคาเหมาะสม 55 บาท

Catalysts การขยายตัวของรายได้ Non voice, ลูกค้า 5G, ธุรกิจเกี่ยวเนื่อง เช่น Fixed Broadband, ลูกค้าองค์กร และความสำเร็จของการคุมต้นทุนการดำเนินงาน

Anchor themes การเพิ่มฐานลูกค้าและผู้ถือเครื่อง 4G/5G, การเปิดประมูลใบอนุญาตคลื่นเพิ่มเติมถือเป็น Upside ส่วนประเด็นการตรวจสอบการแก้ไขสัญญาสัมปทานยังคงเป็น Overhang ของกลุ่มนี้

**SCB-JMTมีดีอะไร..ทำไมต้องซื้อ?

“มงคล พ่วงเภตรา” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์ บล.เคทีบีเอสที “ส่วนตัวเชื่อว่าปี 2565 ภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศจะฟื้นตัวในทิศทางที่ดีขึ้น ประกอบกับการก้าวข้ามขีดจำกัดการแข่งขันของธุรกิจที่กลมกลืนกับภาวะอุตสาหกรรมใหม่ๆได้ดี ดังนั้นหุ้นที่น่าสนใจและถือเป็นตัวชูธงในปี 65 จึงเป็นหุ้นที่โหนกระแสการฟื้นตัวของเศรษฐกิจดังกล่าว ดังนั้นเลือกหุ้น SCB และ JMT เป็นหุ้นเด่นปีเสือ”

โดยฝ่ายวิเคราะห์แนะนำ “ซื้อ” SCB ราคาเป้าหมายปี 2022E ที่ 150 บาท อิง 2022E PBV ที่ 1.1x (-1.00SD below 10-yr average PBV)คาดแนวโน้มกำไรสุทธิในไตรมาส 1/65 จะเพิ่มขึ้น QoQ ได้จากสำรองฯที่ลดลงได้และมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลงตามฤดูกาล ทั้งนี้ ฝ่ายมองการเติบโตในอีก 2 ปีข้างหน้าที่ ROE จะปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น double digit ได้ราว 15-20% จากธุรกิจใหม่ๆอย่าง Auto X ที่มีผลตอบแทนที่สูง รวมถึงการเข้าซื้อ Bitkub ที่เป็นเจ้าของ platform digital asset ที่มีผู้ใช้มากที่สุดในไทย ซึ่ง SCB ถือว่าเป็น First mover ในการเป็นธนาคารที่เข้าสู่ digital รายแรก และจะโดน disrupt น้อยที่สุด นอกจากนี้จะเป็นผู้ที่ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงนี้ได้เร็วที่สุด

อีกทั้งมองว่า SCB ควรเทรดที่ premium กว่ากลุ่มที่ระดับ -1.50SD เพราะการเปลี่ยนธุรกิจใหม่เป็น Holding company และการรุกในธุรกิจ digital เต็มรูปแบบที่เป็น trend ในอนาคตก่อน จะทำให้ได้เปรียบกว่าคู่แข่งมาก นอกจากนี้ยังมี upside เพิ่มจากธุรกิจใหม่ที่จะเริ่มให้บริการในปี 65 โดยเรายังไม่ได้รวมดีล Bitkub และธุรกิจใหม่ๆในประมาณการ ขณะที่แนวโน้มของการตั้งสำรองฯที่เพียงพอแล้วและ NPL ไม่น่ากลัวเท่าคู่แข่ง แต่มีความเสี่ยงจากสถานการณ์โควิดที่รุนแรงกว่าที่คาด

**อัพเป้า‘JMT’

นอกจากนี้ แนะนำซื้อ “JMT” โดยปรับราคาเป้าหมายเพิ่มขึ้นเป็น 80.00 บาท อิงวิธี GGM ได้ 2022E PBV ที่ 5.7x หรือเทียบเท่า 2022E PEG ที่ 1.0x อิง 2021E-2022E EPS CAGR +48% จากเดิมราคาเป้าหมายที่ 65.00 บาท อิงวิธี GGM ได้ 2022E PBV ที่ 4.7x ผลจากการปรับกำไรสุทธิขึ้น และทำให้3-yr ROE ปรับตัวขึ้นี้เป็น 19% จากเดิม 15% ซึ่งประเมินว่าบริษัทควรที่จะเทรด premium มากกว่าผู้ประกอบการรายอื่นในอุตสาหกรรม เพราะผลกระทบที่จำกัดจาก COVID-19 อีกทั้งมีกองหนี้เสียที่มั่นคง ทั้งกองหนี้เสีย unsecured ที่มีสัดส่วน fully-amortized เพิ่มขึ้น และกองหนี้เสีย secured เพิ่มขึ้นในช่วงหลังประเมินว่าบริษัทที่มีความสามารถในการบริหารจัดการกองหนี้ที่มีประสิทธิภาพ และ ROE ปี65 ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 12% และสูงสุดในกลุ่ม

โดยประเมินรายได้จากธุรกิจรับจ้างติดตามหนี้ และบริหารหนี้เสียจะปรับตัวสูงขึ้น และเริ่มรับรู้รายได้จากการร่วมทุนกับ KBANK หนุนโดยฐานเงินทุนที่เพิ่มขึ้น จากการเพิ่มทุน RO ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท รวมทั้งได้เงินจากการใช้สิทธิแปลงสภาพ JMT-W3 และโอกาสที่จะได้ร่วมทุนกับธนาคารอื่นเพิ่มเติม ภายหลังที่ได้ร่วมทุนกับ KBANK แล้วเสร็จใน 1Q22E อีกทั้ง NPL ที่จะเพิ่มขึ้นในปี 65 จากที่ทรงตัวในปี 65 ผลจากการทยอยสิ้นสุดระยะเวลาการช่วยเหลือลูกหนี้ตั้งแต่ ธ.ค.64 และสินเชื่อจัดชั้น SML 3Q21 ที่พลิกกลับมาเพิ่มขึ้นเป็น 6.7% จากที่ลดลงในช่วง 1H21

ฝ่ายวิเคราะห์ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 65 ขึ้น +3% เป็น 2.24 พันล้านบาท (+64% YoY) มาจากการปรับเพิ่มงบลงทุนในการซื้อหนี้เสียมาบริหารเพิ่มเป็น 1.5 หมื่นล้านบาท จากเดิม 1.2 หมื่นล้านบาท เพื่อสะท้อนโอกาสที่สถาบันการเงินจะกลับมาจำหน่ายหนี้เสียที่เพิ่มขึ้นสูงตามทิศทางของสินเชื่อจัดชั้น NPL และSML ที่จะเพิ่มขึ้น และรับรู้รายได้ส่วนแบ่งจากการร่วมทุน ทั้งนี้ฝ่ายยังคงประมาณการรายได้ธุรกิจรับจ้างติดตามหนี้ปี 65 ที่จะดีขึ้นตามมูลหนี้รับจ้างที่คาดว่าจะขยายตัว +20%YoY จากที่หดตัวในปี 64 ภายหลังการสิ้นสุด ระยะเวลาการช่วยเหลือของสถาบันการเงินที่ปัจจุบันได้ขยายระยะเวลาช่วยเหลือถึง ธ.ค.64


**WICE-ASKเด่นสุด

“วิจิตร อารยะพิศิษฐ” นักกลยุทธ์การลงทุน บมจ.หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) หุ้นเด่นเข้าตาในปี 2565 เลือก WICE และ ASK โดยในปี 2565 WICE จะพิเศษกว่ากลุ่มด้วย ปีทองขนส่งข้ามพรมแดนผู้เล่นทุกคนจะยังคงกอบโกยกำไรจากการขนส่งทางทะเลในปี65 แต่ในเวลาเดียวกัน WICE จะเริ่มเก็บเกี่ยวรายได้จาก Cross Border Truck (CBT) เต็มที่ โดยจะรับรู้รายได้เต็มปีจากบริการ LTL (ขนส่งไม่เต็มตู้ มาร์จ้นิ 2 เท่าตัวจาก CBT ปกติที่ 15.0%) และบริการใหม่ Road-Rail (RR) ที่ใช้เครือข่ายขนส่งทางบกใน ASEAN ของตนไปเชื่อมต่อกับรถไฟ จีน-สปป.ลาว ซึ่งฝ่ายวิเคราะห์คาดจะเพิ่ม volume ให้ CBT อีกอย่างน้อย 12% และเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นอีก 5-10% อีกด้วย โดย WICE เริ่มให้บริการนี้ไปแล้วในเดือน ธ.ค. 2564 ผู้บริหารเชื่อว่าบริการนี้จะได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า เพราะประหยัดเวลาขนส่งโดยรวม 2-3 วันในช่วง Peak, แก้ปัญหาที่ด่านพรมแดนได้จาก 3 เหลือเพียง 1 ด่าน, ปิดความเสี่ยงภัยธรรมชาติระหว่างเดินรถในเวียดนามได้

ขณะที่ราคาให้บริการก็ใกล้เคียงกับการขนส่งทางเรือ แต่เร็วกว่าหลายวัน โดย WICE ลงทุนซื้อตู้สินค้าไว้แล้ว 200 ตู้เพื่อรองรับบริการในกลุ่ม CBT ทั้งหมด ดังนั้นแนะนำ “ซื้อ” และ roll-over ราคาเหมาะสมปี65 พร้อมทั้งปรับประมาณการกำไรปี 65 ขึ้น 26.7% เป็น 578 ลบ. +10.7% YoY ได้ราคาเหมาะสมใหม่ 22.10 บาท/ หุ้น อิง P/E เฉลี่ย 4 ปีที่ 25.0 เท่าตามเดิม

**ASK กำไรโต-ราคาถูก

นอกจากนี้แนะนำซื้อหุ้น ASK ราคาเหมาะสม 55 บาท โดยคาดว่ากำไรจะเพิ่มขึ้น 35% YoY ต่อปีในปี 64-65 จากการเติบโตของรายได้สินเชื่อและค่าธรรมเนียมที่แข็งแกร่ง โดยรายได้สินเชื่อดีขึ้นจากยอดขายรถบรรทุกในประเทศที่แข็งแกร่ง ขณะที่รายได้จากนายหน้าประกันภัยที่ดี (+69% YoY)จะหนุนค่าธรรมเนียมโตแรง ASK ตั้งเป้าการเติบโตของสินเชื่อ >20% และการเติบโตของรายรับค่าธรรมเนียม 30% ในปี 65 ฝ่ายคาดการณ์ต้นทุนต่อรายได้จะลดลงจาก 37% ในปี 63 เป็น 29-32% ในปี 64-65 เนื่องจากรายรับจะเพิ่มขึ้น 20-25% ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้นในอัตราที่ช้าลง 8-10% ในปี 64-65 ในแง่ของคุณภาพสินทรัพย์อัตราส่วน NPL น่าจะเพิ่มขึ้นในระดับที่จัดการได้ แต่ต้นทุนสินเชื่อลดลงจากผลกระทบฐานที่สูงจากการกันสำรองครั้งเดียวในปี 64


**เลือก M-CCET

“ณัฐพล คำถาเครือ” ผู้อำนวยการอาวุโส บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) เลือกหุ้น M คาดผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว มีแนวโน้มฟื้นตัวแบบ V-Shape ตั้งแต่ 4Q64 และจะเป็นบวกมากขึ้นในปี 2565 จากมาตรการกระตุ้นการบริโภคในประเทศของภาครัฐ เช่น ช้อปดีมีคืน โดยเราคาดกำไรสุทธิที่ 1,670 ล้านบาท พลิกจากขาดทุนสุทธิ -27 ล้านบาทในปี 2564 ขณะที่ ราคาหุ้นในปี 2564 ปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียง 4% เทียบกับกลุ่มอาหารที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 9% และ SET INDEX ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 14% ถือว่ามีความน่าสนใจทั้งในเชิงของ Valuation และ Laggard play ราคาเหมาะสม 65.00 บาท

และ หุ้น CCET ราคาปัจจุบันซื้อขายบน PBV เพียง 0.8 เท่า ถูกที่สุดในกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ขณะที่ความต้องการยังสูงทั้งชิ้นส่วนที่ใช้ในคอมพิวเตอร์และยานยนต์ ผลจากการปรับโครงสร้างธุรกิจในปี 2564 และการควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพจะทำให้การรับรู้กำไรสอดคล้องกับรายได้ที่เติบโตมากขึ้น ฝ่ายคาดกำไรสุทธิทั้งปี 2565 ที่ 1,200 ล้านบาท โต 33% YoY แนวต้านทางเทคนิค 5.00 บาท

จาก
ถึง
Select...
หุ้น
Select...
หัวข้อ
Select...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ่านต่อ

เว็บไซต์นี้มีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น การใช้งานเว็บไซต์นี้เป็นการยอมรับข้อกำหนดและยินยอมให้เราจัดเก็บคุ้กกี้ตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเรา  อ่านเพิ่มเติม

X